กนง.มีมติ 4 : 3 เสียง ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 2.00% หลังแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจชะลอลง บล.ทรีนีตี้ เชื่อว่า ธ.พ.จะลดดอกเบี้ยตามหลังการลดดอกเบี้ยครั้งก่อนไม่มีการตอบสนองเท่าที่ควร โดยทรีนีตี้ มองว่า TISCO และ TMB จะได้รับผลกระทบมากสุด
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิที่ถูกกระทบยังคงน้อยมากเพียงแค่ประมาณ 3% เท่านั้น ทำให้เรายังคงราคาเป้าหมาย และคำแนะนำสำหรับหุ้นทั้งกลุ่มไว้เหมือนเดิม ทั้งนี้ ในปัจจุบันเรามองปัจจัยเศรษฐกิจและการเมือง รวมถึงปัจจัยคุณภาพของสินเชื่อเป็นแรงกดดันที่สำคัญกว่า ทำให้ Top Pick ของเรายังเป็น BBL (TP 230 Baht) ในแง่ของความปลอดภัย และ SCB (TP 191 Baht) ในแง่ของความสามารถในการทำกำไร
การที่ กนง. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%: เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.) บล.ทรีนีตี้ คาดว่า ธนาคารพาณิชย์ จะลดดอกเบี้ยตาม NIM อาจลดลง แต่กระทบกำไรสุทธิเพียงเล็กน้อย เริ่มจากธนาคารขนาดใหญ่ 4 ธนาคาร จะปรับลดดอกเบี้ยทั้งเงินฝาก และเงินกู้ตามดอกเบี้ยนโยบาย หลังการลดดอกเบี้ยครั้งก่อนไม่มีการตอบสนองจาก ธ.พ.เท่าที่ควร ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันการเติบโตของสินเชื่อทั้งกลุ่มฯ เริ่มชะลอตัวลง การลดดอกเบี้ยลงจะช่วยกระตุ้นสินเชื่อให้กลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม NIM ของทั้งกลุ่มอาจลดลง และส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิปี 2557 เล็กน้อย โดยจากการวิเคราะห์ของเรา TISCO จะได้รับผลกระทบมากสุด แม้ว่าดอกเบี้ยรับส่วนใหญ่จะเป็นดอกเบี้ยคงที่ แต่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเกือบทั้งหมดเป็นดอกเบี้ยคงที่เช่นกัน ทำให้ได้รับผลกระทบในทางลบมากกว่า ขณะที่ TMB เป็นธนาคารที่ได้รับผลกระทบรองลงมา เนื่องจากดอกเบี้ยรับส่วนใหญ่เป็นดอกเบี้ยลอยตัว อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่มีต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2557 ยังคงน้อยมากเพียงแค่ประมาณ 3% เท่านั้น อีกทั้งยังไม่รวมแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อที่อาจดีขึ้น ทำให้เรายังคงราคาเป้าหมาย และคำแนะนำเดิมไว้
บล.ทรีนีตี้ มองแรงกดดันอื่นสำคัญกว่า แต่เชื่อพื้นฐานธนาคารใหญ่ยังแกร่ง : เรามองว่าปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองเป็นปัจจัยกดดันที่สำคัญกว่า อีกทั้งยังมีปัญหาเฉพาะของสินเชื่อรายย่อยที่คุณภาพตกต่ำ และ NPL ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายกันในระดับค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต ซึ่งได้สะท้อนปัจจัยลบไปมาก
ทั้งนี้ ทรีนีตี้ เลือก BBL และ SCB เป็น Top Pick สำหรับกลุ่มฯ โดย BBL เป็นธนาคารที่มี NPL Coverage Ratio สูงสุดในกลุ่มฯ อีกทั้งยังมีโครงสร้างสินเชื่อที่เน้นสินเชื่อธุรกิจมากกว่าสินเชื่อรายย่อย ทำให้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาคุณภาพของสินเชื่อรายย่อยไม่มาก ขณะที่ SCB เป็นธนาคารที่มี NPL Coverage Ratio ที่สูงรองลงมา แม้จะมีสัดส่วนของสินเชื่อรายย่อยเยอะ แต่ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อบ้านที่ยังมีคุณภาพดีอยู่ นอกจากนี้ ธนาคารยังมีสัดส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูง ช่วยชดเชยรายได้ดอกเบี้ยได้ โดยเราให้ราคาเป้าหมาย BBL ที่ 230 บาท และ SCB ที่ 191 บาท