หุ้นร่วง 7 จุด รับร่าง พ.ร.บ.2ล้านล้าน ขัดรัฐธรรมนูญ ทุบความหวังการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหนุนเศรษฐกิจในปีนี้ แม้ได้มติ กนง.ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ช่วยพยุงตลาด คาดวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค) ยังผันผวนต่อ เหตุปัจจัยลบการชี้แจงข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.กรณีทุจริตข้าวอาจเกิดขึ้น 14 มี.ค. ก่อนรอลุ้นยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สัปดาห์หน้า
ตลาดหุ้นไทย วันนี้ (12 มี.ค.) ดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน จากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท) ขัดรัฐธรรมนูญ อีกทั้งมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ดัชนีหลักทรัพย์ปิดที่ระดับ 1,356.42 จุด ลดลง 7.86 จุด -0.58% มูลค่าการซื้อขาย 30,287.76 ล้านบาท
ภาพรวม นักวิเคราะห์ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยยังทรงตัวได้ดี แม้จะอยู่ในแดนลบจาก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญ แต่ได้ปัจจัยบวกจา กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายเข้ามาช่วยพยุงตลาด ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า จากความกังวลต่อสถานการณ์ในยูเครน และเศรษฐกิจของจีนที่ไม่ดี
โดยระหว่างวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,364.92 จุด และต่ำสุดที่ 1,356.41 จุด ขณะที่การซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุนพบว่า บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 616.42 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 225.06 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 787.62 ล้านบาท และสถาบัน ซื้อสุทธิ 53.86 ล้านบาท ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 255 หลักทรัพย์ ลดลง 481 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 194 หลักทรัพย์
ด้านหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,962.56 ล้านบาท ปิดที่ 210.00 บาท ลดลง 3.00 บาท, AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,346.44 ล้านบาท ปิดที่ 193.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง, CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,193.52 ล้านบาท ปิดที่ 29.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท, CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,100.80 ล้านบาท ปิดที่ 41.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง และ PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,049.37 ล้านบาท ปิดที่ 72.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ทรงตัวได้ดี แม้จะอยู่ในแดนลบแต่ไม่ลงไปมาก เหตุเพราะศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัย พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้การลงทุนที่มาจากโครงสร้างพื้นฐานไม่ใช่ความหวังของปีนี้แล้ว แต่ยังมีปัจจัยบวกจากมติ กนง.ซึ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ข้ามาช่วยพยุงตลาด ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า เพราะความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในยูเครน และยังกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ไม่ดีด้วย
“ตลาดบ้านเรายังต้องรอดูว่า จะมีการเลื่อนการชี้แจงข้อกล่าวหาของคณะกรรมการป้องกันและปราบกรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 14 มี.ค.นี้ หรือไม่ ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) ประเมินว่า ดัชนีคงแกว่งตัวแคบ และควรจะติดตามทิศทางตลาดต่างประเทศด้วย โดยมีแนวรับ 1,348 จุด แนวต้าน 1,368 จุด”
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต. กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนวันนี้ ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญมีมติ ร่างพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทขัดต่อรัฐธรรมนูญ และ กนง. ลดอัตจราดอกเบี้ยลง 0.25% มากกว่าปัจจัยจากต่างประเทศ อย่างวิกฤตยูเครนที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นเยรมันนีร่วงลงกว่า 5% ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค
โดยคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีในวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) ดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบแคบ ถึงมีแนวโน้มพักฐานตามตลาดหุ้นสำคัญทั่วโลก เพราะไม่มีปัจจัยใหม่ในประเทศที่ส่งผลทางจิตวิทยาต่อนักลงทุน ส่วนประเด็น พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ครม.จะพิจารณาในอังคารหน้า ซึ่งคาดว่าน่าจะยกเลิก และออก พ.ร.บ. มั่นคงฯ แทน โดยดัชนีมีแนวรับที่ 1,352 จุด แนวต้านที่ 1,368 จุด