xs
xsm
sm
md
lg

“บล.คันทรี่กรุ๊ป” หวังผู้ถือหุ้นไฟเขียวตั้งโฮลดิ้ง ตามแผนเดินหน้าลดการพึ่งพิงรายได้ค่าคอมฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“บล.คันทรี่กรุ๊ป” หวังผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนตั้งโฮลดิ้ง เตรียมสวอปหุ้นโฮลดิ้งแทน CGS คาดหากฉลุยทุกอย่างแล้วเสร็จปลายไตรมาส 3 ดันปี 2558 ลดการพึ่งพิงรายได้ค่านายหน้าเทรดเหลือ 70% จากปัจจุบัน 90% ส่วนปี 57 ลุ้นดีลวาณิชธนกิจสำเร็จปั๊นรายได้ชดเชยค่าคอมมิชชันเทรดหุ้นที่หดหายตามวอลุ่ม และมาร์เกตติ้งที่ย้ายออก ดันผลดำเนินงานปีนี้ใกล้เคียงปี 56 พร้อมมองดัชนีหุ้นไทยทั้งปี 1,500 จุด วอลุ่มเทรด 4 หมื่นล้าน

    น.ส.สุดธิดา จิระพัฒน์สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2556 ว่า บริษัทมีรายได้ 2,068.84 ล้านบาท เทียบกับปี 2555 ที่มีรายได้ 1,615.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.08% กำไรสุทธิ 344.81 ล้านบาท เทียบกับปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 260.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.42% โดยมีกำไรสะสม 657.72 ล้านบาท ในส่วนของรายได้รวม 2,068.84 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ค่านายหน้า 1,695.68 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 39.59 ล้านบาท กำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ 85.87 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตาม วิธีส่วนได้เสีย 86.42 ล้านบาท รายได้จากดอกเบี้ยรับและเงินปันผลและดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ 147.57 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ จำนวน 13.71 ล้านบาท

    โดยรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 426 ล้านบาท หรือ 33.55% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่ 1,269.68 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 20.81 ล้านบาท หรือ 110.81% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่ 18.78 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และค่าธรรมเนียมการเป็นที่ปรึกษาการเงินเพิ่มขึ้น 15.20 ล้านบาท ตามปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียเพิ่มขึ้น 35.63 ล้านบาท หรือ 70.15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 50.79 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทร่วมมีกำไรสุทธิเพิ่ม 72.27%

    “สาเหตุที่ผลงานโตก้าวกระโดด เป็นผลจากการบริหารจัดการภายใต้ผู้บริหารชุดใหม่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจหลักทรัพย์ และกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งการเสริมทีมผู้บริหาร และปรับกลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อก้าวขึ้นเป็นโบรกเกอร์ชั้นนำของประเทศ เตรียมพร้อมรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558” น.ส. สุดธิดา กล่าว

    พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2557 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 ได้อนุมัติจัดสรรกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2556 เพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.11 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายวันที่ 15 พฤษภาคม 2557

    ทั้งนี้ CGS มองดัชนี SET ในปีนี้ที่ 1,450-1,500 จุด เพราะภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้เติบโตมาก โดยคาดว่าจะเติบโตไม่ถึง 3% และ  EPS Growth ของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 10%
    ขณะเดียวกัน ที่ประชุมบอร์ดได้อนุมัติแผนการปรับโครงสร้างกิจการ และการขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทจะจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง ภายใต้ชื่อ “บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)” เพื่อประกอบธุรกิจทางด้านการลงทุน และถือหุ้นของหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป ซึ่งจะจัดการประชุมชี้แจงเพื่อเสนอแนะความเห็นต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 เมษายน 2557 เวลา 14.00 น. ณ โรงแรมโลตัส กรุงเทพฯ

    “บริษัทต้องปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ เพราะจะหวังพึ่งพารายได้จากค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์อย่างเดียวไม่ได้ คาดว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 29 เม.ย.นี้จะอนุมัติให้บริษัทปรับโครงสร้างกิจการเป็นโฮลดิ้งคอมปานี ตั้ง บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดื้ง ถ้าผู้ถือหุ้นอนุมัติก็จะทำการสวอปหุ้น บล.คันทรี่ เป็น บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้ง สัดส่วน 1 : 1 และคาดว่าจะนำหุ้นบริษัทโฮลดิ้งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทน CGS ได้ราว ส.ค.-ก.ย.57 นี้ และจะทำให้ปี 58 สัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจหลักทรัพย์ 60-70% ซึ่งเป็น core business ส่วน investment  พอร์ตลงทุน Fixed Income รวม 30% จากปัจจุบันรายได้หลักมาจากค่านายหน้าประมาณ 90% อีก 10% เป็นงานวาณิชธนกิจ”

    ด้านนายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CGS กล่าวว่า แม้มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วงต้นปีนี้จะลดลงเหลือ 28,000 ล้านบาท จาก 50,000 ล้านบาท แต่บริษัทหวังจะสร้างรายได้จากงาน IB ดีลขนาดใหญ่กว่า 100 ล้านบาท และยังมีงานที่ปรึกษาทางการเงินในการกระจายหุ้นให้แก่ประชาชน (IPO) ในมือราว 10 ดีล คาดว่าจะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้ 3 ราย ขนาดระดมทุนประมาณ 500-3,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการควบรวมกิจการ (M&A) ให้แก่บริษัททั้งในประเทศ และต่างประเทศอีกหลายดีล โดยดีลใหญ่ที่หวังว่าจะจบได้ภายในปีนี้เป็น M&A บริษัทในประเทศที่มีบริษัทต่างประเทศเข้ามาซื้อกิจการ ซึ่งถ้าจบทำได้ตามเป้าหมาย คาดว่าจะรับรู้รายได้ 200 กว่าล้านบาทในปีนี้ และจะช่วยทดแทนรายได้จากโบรกฯ นอกจากนี้ ยังมีพอร์ตลงทุน และมีหน่วยงานใหม่ Fixed income เข้ามาเสริม จะทำให้รายได้กำไรใกล้เคียงปีก่อน

    อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามาร์เกตแชร์ปีนี้จะลดลงจากปีก่อน โดย 2 เดือนแรกอยู่ที่ 3% ปลายๆ หลังจากทีมงานมาร์เกตติ้งเดิมทยอยลาออกไป แต่ระดับเฉลี่ยทั้งปีมองมาร์เกตแชร์อยู่ที่ 3.5% เนื่องจากภาพรวมการซื้อขายลดลง และมีโบรกเกอร์หน้าใหม่เข้ามาอีก 4 ราย

       
กำลังโหลดความคิดเห็น