“สันติ หอกิตติกุล” มั่นใจเข้าเทรดวันแรกนักลงทุนตอบรับดี หนุนราคายืนเหนือจองได้สำเร็จ คาดธุรกิจมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก และต่อเนื่อง เหตุภาคการเกษตรขาดแคลนแรงงาน และเกษตรกรขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างทั่วถึง คาดปีนี้พอร์ตสินเชื่อโตกว่า 20% ด้าน “ชูพงศ์ ธนเศรษฐกร” ประเมินธุรกิจ GCAP เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้ กำไร เชื่อปีหน้าจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อแก่ลูกค้าที่ต้องการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรในหลากหลายประเภท ภายใต้แนวคิด “สินเชื่อฉับไว เกษตรไทยก้าวหน้า” เปิดเผยถึงการซื้อขายหุ้น GCAP วันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 17 ธันวาคมนี้ ว่า มั่นใจว่าหุ้น GCAP ที่เข้าซื้อขายวันแรกจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน ทำให้สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2.70 บาท//หุ้นได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร และการให้บริการสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเป็นบริการเสริมให้แก่ผู้เช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรที่เป็นลูกค้าของบริษัทฯ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ ผลประกอบการของ GCAP มีทิศทางการเติบโตอย่างชัดเจนในอนาคต ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนที่ได้รับหุ้นจัดสรรไม่เพียงพอ หรือไม่ได้รับการจัดสรร จะตามเก็บหุ้นในกระดานเพิ่มเติมเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาว และเชื่อว่าหลังเข้าทำการซื้อขาย GCAP จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวัง
ทั้งนี้ ภายหลังการระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เงินระดมทุนจำนวน 135 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปขยายพอร์ตสินเชื่อจากสิ้นไตรมาส 3 ที่มีมูลค่าพอร์ตรวม 776 ล้านบาท คาดว่าในปีหน้าพอร์ตสินเชื่อจะขยายตัวทะลุหลัก 1,000 ล้านบาท
นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS กล่าวว่า ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน GCAP กล่าวว่า มั่นใจว่าในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรกของหลักทรัพย์ GCAP จะสูงกว่าราคาเสนอขายหลักทรัพย์ต่อ
ประชาชนในครั้งแรก (IPO) ที่ 2.70 บาทต่อหุ้น เนื่องจากความต้องการซื้อหุ้นจากการเสนอขายหลักทรัพย์ได้รับความสนใจล้นหลาม จากราคาที่น่าสนใจ และมีส่วนลดให้แก่นักลงทุน 49% จากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ของหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ GCAP และเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตในอัตราที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการสินเชื่อของเกษตรกร
นอกจากนั้น เม็ดเงินจากการขายหุ้น IPO จะก่อให้เกิดการขยายพอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯ และจากการนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งส่งผลต่อผลตอบแทนในอนาคต โดยคาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม 2557 ในการอนุมัติการจ่ายเงินปันผลด้วย
นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อแก่ลูกค้าที่ต้องการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรในหลากหลายประเภท ภายใต้แนวคิด “สินเชื่อฉับไว เกษตรไทยก้าวหน้า” เปิดเผยถึงการซื้อขายหุ้น GCAP วันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 17 ธันวาคมนี้ ว่า มั่นใจว่าหุ้น GCAP ที่เข้าซื้อขายวันแรกจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน ทำให้สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2.70 บาท//หุ้นได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร และการให้บริการสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเป็นบริการเสริมให้แก่ผู้เช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรที่เป็นลูกค้าของบริษัทฯ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ ผลประกอบการของ GCAP มีทิศทางการเติบโตอย่างชัดเจนในอนาคต ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนที่ได้รับหุ้นจัดสรรไม่เพียงพอ หรือไม่ได้รับการจัดสรร จะตามเก็บหุ้นในกระดานเพิ่มเติมเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาว และเชื่อว่าหลังเข้าทำการซื้อขาย GCAP จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวัง
ทั้งนี้ ภายหลังการระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เงินระดมทุนจำนวน 135 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปขยายพอร์ตสินเชื่อจากสิ้นไตรมาส 3 ที่มีมูลค่าพอร์ตรวม 776 ล้านบาท คาดว่าในปีหน้าพอร์ตสินเชื่อจะขยายตัวทะลุหลัก 1,000 ล้านบาท
นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS กล่าวว่า ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน GCAP กล่าวว่า มั่นใจว่าในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรกของหลักทรัพย์ GCAP จะสูงกว่าราคาเสนอขายหลักทรัพย์ต่อ
ประชาชนในครั้งแรก (IPO) ที่ 2.70 บาทต่อหุ้น เนื่องจากความต้องการซื้อหุ้นจากการเสนอขายหลักทรัพย์ได้รับความสนใจล้นหลาม จากราคาที่น่าสนใจ และมีส่วนลดให้แก่นักลงทุน 49% จากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ของหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ GCAP และเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตในอัตราที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการสินเชื่อของเกษตรกร
นอกจากนั้น เม็ดเงินจากการขายหุ้น IPO จะก่อให้เกิดการขยายพอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯ และจากการนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งส่งผลต่อผลตอบแทนในอนาคต โดยคาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม 2557 ในการอนุมัติการจ่ายเงินปันผลด้วย