“กสิกรไทย” ตั้งเป้าสินเชื่อรายย่อยปีหน้า 10-13% พร้อมเพิ่มจำนวนลูกค้าอีก 3.3 ล้านราย เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ พร้อมรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของสายงานธุรกิจรายย่อยในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้ค่าธรรมเนียม ณ สิ้นปีที่ 23,200 ล้านบาท เติบโต 27% จากปี 55 ที่อยู่ในระดับ 18,300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าธรรมเนียมจากธุรกิจประกัน 29% บัตรเครดิต และร้านค้ารับบัตรเครดิต 25% บัตรเอทีเอ็ม และบัตรเดบิต 20%
ด้านธุรกิจเงินฝาก และกองทุนรวมมีอัตราการเติบโต 11% จากในปี 2555 คาดว่าจบสิ้นปี 2556 จะมีอัตราเงินฝากอยู่ที่ 2.26 ล้านล้านบาท แบ่งสัดส่วนออกเป็นเงินฝากเติบโต 12% สอดคล้องกับการเติบโตของสินเชื่อ และกองทุนรวมเติบโต 10%
และสินเชื่อรายย่อยในปี 56 เติบโตเพิ่มขึ้น 11 % จากปี 2555 มูลค่ารวมสินเชื่ออยู่ที่ 327,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นสินเชื่อบ้านเติบโต 7% บัตรเครดิตเติบโต 21% และสินเชื่อบุคคล 19% โดยเฉพาะในส่วนของ K-Express Cash ที่มีการเติบโตถึง 39% และคุณภาพสินเชื่อที่ดีกว่าตลาด
“ผลการดำเนินงานของสายงานธุรกิจรายย่อยในปีนี้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าจะมีการแข่งขันที่สูง โดยเฉพาะในเรื่องรายได้ค่าธรรมเนียม ขณะที่การปล่อยสินเชื่อก็ยังเติบโตได้ แต่ก็จะต้องทำด้วยความระมัดระวังต่อไป”
สำหรับในปี 2557 สายงานธุรกิจรายย่อยตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนลูกค้าอีก 3.3 ล้านราย จากในปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ที่ 12 ล้านราย โดยจะเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 18-25 ปี นักศึกษา และกลุ่มผู้เพิ่งเริ่มทำงาน เน้นยึดความเป็นผู้นำในด้าน Digital Banking และการเติบโตทางด้านค่าธรรมเนียมในส่วนของ Transectional Banking เพิ่มขึ้น เนื่องจากยังเห็นโอกาสการเติบโตได้มากเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ จะเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดมากขึ้น จากปัจจุบันที่สัดส่วนลูกค้าในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 48% และต่างจังหวัด 52% ในปี 2557 จะปรับให้เป็นกรุงเทพฯ 40% และต่างจังหวัด 60% จากธุรกรรมในต่างจังหวัดมีการเติบโต 20-30% ทำให้ธนาคารมีโอกาสในการขยายธุรกิจมากขึ้น
ส่วนเงินฝาก และกองทุนรวมตั้งเป้าเติบโต 9-12% สินเชื่อรายย่อยเติบโต 10-13% ซึ่งยังคงต้องขยายตัวอย่างระมัดระวังให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 20-23%
อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “ไลฟ์สไตล์ แบงกิ้ง” อย่างต่อเนื่องผ่าน 4 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ที่เจาะลึกความต้องการของลูกค้าในแต่ละ Sub-Segment เช่น นำเสนอเทคโนโลยีในรูปแบบ on-the-go เช่น K-Mobile Banking PLUS ที่สามารถจ่ายบิลผ่านการสแกนบาร์โค้ดจากกล้องหลังโทรศัพท์มือถือ การให้คำปรึกษา ตอกย้ำความแตกต่างด้วยทีมที่ปรึกษาการเงิน หรือ K-Expert ซึ่งปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ K-Expert พร้อมให้บริการ 2,500 คน ใน 975 สาขาทั่วประเทศ และบริการของ K-Expert ผ่าน 4 ช่องทางโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปที่สาขาธนาคาร ทั้งเว็บไซต์ อีเมล คอลเซ็นเตอร์ และทวิตเตอร์ ที่ให้คำปรึกษาทุกไลฟ์สไตล์ทางการเงินตลอด 24 ชั่วโมง ด้านบริการ ด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการใช้บริการธุรกรรมการเงิน เช่น บริการดิจิตอล แบงกิ้ง บริการ Wi-Fi ฟรีในทุกสาขา ช่องทางสาขา พัฒนาสาขาทุกรูปแบบ และช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ลูกค้าสามารถใช้บริการของธนาคารได้ทุกที่ทุกเวลา โดยปีหน้าเตรียมเปิดสาขาอีก 170 สาขา ทำให้ธนาคารจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 1,145 สาขา