“คิวเฮ้าส์” แจงปี 56 ผลประกอบการรวม 19,999 ล้านบาท โตจากปี 55 ซึ่งมีรายได้รวม 14,409 ล้านบาท 39% หลังเริ่มทยอยรับรู้รายได้ 3 โครงการคอนโดมิเนียมกว่า 6,369 ล้านบาท ด้านรายได้ค่าเช่าปรับตัวขึ้น 12% โดยมีรายได้ค่าเช่าที่ 130 ล้านบาท ขณะที่กำไรจากการโอนกรรมสิทธิ์การเช่าอาคาร-ขายสินทรัพย์ลดลง 1,044 ล้านบาท หรือลดลงจากปี 55 กว่า 88%
นางสุวรรณา พุทธประสาท รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 19,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่มีรายได้รวม 14,409 ล้านบาท 5,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น39% โดยในปีที่ผ่านมา เป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 6,493 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับปี 55 และมีรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินเพิ่มขึ้น 3,286 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38% เนื่องจากบริษัทมีการเปิดขายโครงการบ้านใหม่ และรายได้จากการขายอาคารชุดพักอาศัยเพิ่มขึ้น 3,207 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 96% เมื่อเทียบกับปี 55
ทั้งนี้ รายได้ที่ปรับตัวสูงขึ้นในปี 56 เกิดจากการทยอยรับรู้รายได้จากการขาย และโอนกรรมสิทธิ์หน่วยในอาคารชุดพักอาศัย จำนวน 3 โครงการ มูลค่า 6,369 ล้านบาท คือ โครงการเดอะทรัสต์ เรสซิเด้นซ์ รัชดา-พระราม 3 โครงการคาซ่าคอนโด อโศก-ดินแดง และโครงการคาซ่าคอนโด ช้างเผือก นอกจากนี้ ยังมีการเปิดขายโครงการบ้านใหม่ จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงรวม 11,523 ล้านบาท
สำหรับรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการในปี 2556 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 130 ล้านบาท คิดเป็น 12% เมื่อเทียบกับปี 55 เนื่องจากในปี 56 รายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น จำนวน 117 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากภาครัฐบาลมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประกอบกับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัท และบริษัทย่อยมีอัตราการเข้าพักอาศัย และอัตราค่าเช่าห้องพักปรับตัวดีขึ้นจากปี 55 ส่วนรายได้จากธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าในปี 56 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4% จากปี 55 เนื่องจากค่าเช่าพื้นที่ปล่อยเช่าปรับตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกำไรจากการขายทรัพย์สิน และโอนสิทธิการเช่าอาคาในปี 56 ลดลง จำนวน 1,044 ล้านบาท หรือลดลง 88% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 55 เนื่องจากในไตรมาส 1 ของปี 56 บริษัทได้จำหน่ายโครงการเซนเตอร์ พอยต์ ศาลาแดง ซึ่งประกอบด้วยที่ดินพร้อมอาคาร งานระบบสาธารณูปโภค ทรัพย์สินติดตรึง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าว 140 ล้านบาท ขณะที่ในปี 55 บริษัทมีกำไรจากการขายทรัพย์สิน และการโอนสิทธิ์การเช่าอาคารโรงแรม จำนวน 1,184 ล้านบาท จากการโอนขายที่ดิน อาคาร ส่วนควบอาคาร และสังหาริมทรัพย์ของโรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ ประตูน้ำ และโรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 10 รวมทั้งบริษัทยังได้โอนสิทธิการเช่าอาคาร และขายสังหาริมทรัพย์โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ ชิดลม ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ (QHHR)
“ส่วนรายได้อื่นในปี 56 ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% จากปี 55 เนื่องจากบริษัทล้างรายการบัญชีค่าใช้จ่ายค้างจ่าย จำนวน 6 ล้านบาท สำหรับค่าปรับปรุงซ่อมแซมโรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ ประตูน้ำ และโรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 10 ซึ่งบริษัทได้ใช้ยอดต่ำกว่าประมาณการค่าปรับปรุงซ่อมแซมตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญา และมีรายได้จากบริการสาธารณะโครงการบ้านเพิ่มขึ้น จำนวน 4 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น จำนวน 1 ล้านบาท”
นางสุวรรณา กล่าวว่า สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ประจำปี 56 อยู่ที่ 943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141 ล้านบาท หรือ 18% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายในปี 56 เพิ่มขึ้น 648 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 58% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 55 เนื่องจากภาษีธุรกิจเฉพาะ และค่าธรรมเนียมโอนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น จำนวน 259 ล้านบาท และค่าส่งเสริมในการขายเพิ่มขึ้น 154 ล้านบาท ซึ่งผันแปรตามยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา และประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้น 195 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการเปิดโครงการบ้านและโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทได้มีการโฆษณาและประชาสัมพันธ์แบรนด์บริษัทผ่านสื่อโทรทัศน์ และค่าใช้จ่ายในการขายอื่นๆ เพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท
สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารในปี 56 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 108 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปี 55 เนื่องจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าตอบแทน และสวัสดิการพนักงานเพิ่มขึ้น 30 ล้านบาท ค่าดูแลบำรุงรักษาสภาพโครงการ ค่ารักษาความปลอดภัยโครงการ และค่าสาธารณูปโภคไฟฟ้า และประปาเพิ่มขึ้นจากการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 33 ล้านบาท 35 ล้านบาท และ 23 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอื่นลดลง 13 ล้านบาท