“คิวเฮ้าส์” แจงรายได้ 6 เดือนแรก 57 เป็นไปตามทิศทางตลาดกำไร 1,610.8 ล้านบาท ลดลงกว่า 87 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวม 9,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%
นางสุวรรณา พุทธประสาท รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH) ชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อยสำหรับไตรมาส ไตรมาส 2 และยอดสะสม 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2557 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/57 จำนวน 978.94 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสิทธิ 1,108 ล้านบาท ขณะที่ยอดกำไรสะสม 6 เดือนมีจำนวน 1,610.8 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,698.36 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมในไตรมาส 2/57 มีจำนวน 5,713 ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 6,100 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 5,433 ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 5,780 ล้านบาท ส่วนรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ มีจำนวน 241 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 279 ล้านบาท รายได้อื่น 39 ล้านบาท ลดลงจากปี 56 ที่มีรายได้อื่นๆ 41 ล้านบาท ขณะที่มียอดสะสม 6 เดือน จำนวน 9,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 185 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 9,631 ล้านบาท
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 บริษัทและบริษัทย่อยได้เปิดขายโครงการบ้านใหม่ จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,407 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 3,042 ล้านบาท
สำหรับรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ ในไตรมาส 2 ลดลง 38 ล้านบาท คิดเป็นลดลงร้อยละ 14 และยอดสะสม 6 เดือน จำนวน 87 ล้านบาท คิดเป็นลดลงร้อยละ 15 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากธุรกิจโรงแรมลดลง จากการลดลงของลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้าพักอาศัยซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองการที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การบังคับใช้กฎหมายการท่องเที่ยวฉบับใหม่ของจีนที่เกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพแพกเกจทัวร์ของจีนที่มีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2556 ส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนลดลง และการปิดเพื่อปรับปรุงและซ่อมแซมใหญ่อาคารโรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ เพลินจิต ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2557 และคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2557
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม สำหรับไตรมาส 2 จำนวน 258 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 8 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 และยอดสะสม 6 เดือน สิ้นสุดไตรมาส 2 ของปี 2557 จำนวน 490 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 23 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ โดยบริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 4 แห่ง สะสม 6 เดือน ดังนี้ บมจ.โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำนวน 30 ล้านบาท บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป 112 ล้านบาท กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ 67 ล้านบาท กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ ไม่มีรายได้
ค่าใช้จ่ายในการขาย สำหรับไตรมาส 2 ของปี2557 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 49 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เนื่องจากบริษัท และบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่เกิดจากการเปิดโครงการบ้าน และโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เพิ่มขึ้น จำนวน 22 ล้านบาท ค่าส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้นจากการเร่งโอนกรรมสิทธิ์บ้านและคอนโดมิเนียมเป็น จำนวน 50 ล้านบาท ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมโอนบ้านลดลงจำนวน 15 ล้านบาท ซึ่งผันแปรตามยอดโอนขายอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการขายอื่นลดลง จำนวน 8 ล้านบาท
และยอดสะสม 6 เดือน สิ้นสุดไตรมาส 2 ของปี 2557เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 103 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ตามรายละเอียดที่กล่าวแล้วข้างต้น ซึ่งประกอบด้วยค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าโฆษณา และประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้น จำนวน 28 ล้านบาท ค่าส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น จำนวน 70 ล้านบาท ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมโอนบ้านเพิ่มขึ้น จำนวน 13 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการขายอื่นลดลง จำนวน 8 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร สำหรับไตรมาส 2 ของปี 2557 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 43 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เนื่องจากเงินเดือนและสวัสดิการพนักงานเพิ่มขึ้นจำนวน 27 ล้านบาท ตามจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานในแต่ละปีค่าบริการหลังการขายเกี่ยวกับการซ่อมแซมสาธารณูปโภคโครงการ ค่าซ่อมแซมบ้านลูกค้า และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น จำนวน 23 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารอื่นลดลง จำนวน 7 ล้านบาท และยอดสะสม 6 เดือน สิ้นสุดไตรมาส 2 ของปี 2557 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 75 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เนื่องจากเงินเดือนและสวัสดิการพนักงานเพิ่มขึ้น จำนวน 46 ล้านบาท ค่าบริการหลังการขายเกี่ยวกับการซ่อมแซมสาธารณูปโภคโครงการ ค่าซ่อมแซมบ้านลูกค้า และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น จำนวน 34 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารอื่นลดลง จำนวน 5 ล้านบาทตามเหตุผลที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น
สรุปปัจจัยหลักมาจาก
1.ในไตรมาส 2 ของปี 2557 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นจากธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์ลดลง จำนวน 63 ล้านบาท กำไรขั้นต้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าลดลง จำนวน 9 ล้านบาท รายได้อื่นลดลง จำนวน 2 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จำนวน 92 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้น จำนวน 1 ล้านบาท ขณะที่รายได้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น จำนวน 8 ล้านบาท และภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง จำนวน 30 ล้านบาท
2.สำหรับยอดสะสม 6 เดือน สิ้นสุดไตรมาส 2 ของปี 2557 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นจากธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น จำนวน 205 ล้านบาท รายได้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น จำนวน 23 ล้านบาท และภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง จำนวน 30 ล้านบาท ขณะที่กำไรขั้นต้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าลดลง จำนวน 20 ล้านบาท กำไรจากการขายทรัพย์สินโครงการพักอาศัยลดลง จำนวน 140 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีการขายโครงการพักอาศัย รายได้อื่นลดลง จำนวน 4 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จำนวน 178 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้น จำนวน 3 ล้านบาท