xs
xsm
sm
md
lg

QH ลดเพดานทำราคาบ้าน! ดันบริษัทในเครือรุกตลาดล่าง พอใจครึ่งปียอดขายเติบโต 144%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัตน์ พานิชพันธ์
“คิวเฮ้าส์” ดันบริษัทในเครือรุกทำราคาขายบ้านระดับล่างมากขึ้น เน้น 4 ล้านบาทต้นๆ ชี้เป็นฐานกลุ่มใหญ่ในระบบ เผยภาพรวมอสังหาฯ อีก 3 ปีข้างหน้าไม่หวือหวา ลงทุนอย่างระมัดระวัง เผยครึ่งปีกวาดยอดขาย 12,500 ล้านบาท คิดเป็น 63% ของเป้า 20,000 ล้านบาท พอใจยอดขายบ้าน และคอนโดฯ เติบโต 144% กำไรสุทธิยังติดอันดับต้นๆ ทำได้ 1,698 ล้านบาท ระบุปี 57 ลุยเปิด 20 โครงการ

นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH กล่าวว่า ในระยะเวลา 2-3 ปีนี้ บริษัทได้เดินหน้าสู่แผนที่จะปรับโครงสร้างสัดส่วนรายได้ จากปัจจุบันที่เน้นพัฒนาบ้านระดับราคาสูงในสัดส่วน 26% เป็น 25% บ้านระดับราคากลาง สัดส่วน 46% เป็น 40% และบ้านระดับล่าง สัดส่วน 28% เพิ่มเป็น 35-40% โดยในอดีตราคาขายจะอยู่ที่เฉลี่ย 5-6 ล้านบาท และปรับมาที่เกือบ 5 ล้านบาท แต่บริษัทฯ จะปรับราคาขายลงมาอีกเพื่อเน้นตลาดระดับล่างมากขึ้น เนื่องจากยังมีอุปสงค์ (ความต้องการซื้อ) ที่มาก เชื่อว่าในปี 2557 จะเห็นความชัดเจนมากขึ้น โดยจะหันมาเน้นตลาดระดับราคา 4 ล้านบาทต้นๆ มากขึ้น

นอกจากนี้ การพัฒนาแบรนด์โครงการของบริษัทในเครือคือ กัสโต้ และคาซ่า ในปี 2557 จะเป็นการใช้ระบบพรีแฟบทั้งหมด ยกเว้นในส่วนของบริษัทแม่ เพราะเป็นบ้านราคาแพง หากนำมาใช้รูปแบบบ้านจะไม่สวยงาม

ฟันธง 3 ปีข้างหน้าอสังหาฯ ไม่หวือหวา

นายรัตน์ กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯ ว่า มี 3 ปัจจัยที่จะมีผลกระทบ คือ การเมือง เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจภายในประเทศ และสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อรายย่อยที่นับวันจะมีความเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยนี้จะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับความหนัก และเบาของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก คาดว่าอสังหาฯ ไทยยังสามารถพัฒนาต่อได้ แต่คงไม่หวือหวาเหมือนปี 2555 เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ต่อเนื่อง

“หลังจากนี้อีก 3 ปี ตลาดอสังหาฯ จะไม่ค่อยคึกคัก และหวือหวาเหมือนเมื่อก่อน อันเนื่องมาจากปัจจัยลบภายนอกประเทศ คือ เศรษฐกิจจีน และการชะลอการออกมาตรการ QE ของสหรัฐฯ และปัจจัยภายในประเทศ คือ ด้านการเมือง ดังนั้น การลงทุนขยายโครงการจะต้องระมัดระวังมากขึ้น"

พอใจยอดขายบ้าน-คอนโดฯ โต 144%

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/56 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2555 จำนวน 3,442 ล้านบาท เติบโต 129% แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน และคอนโดมิเนียม 5,780 ล้านบาท (เติบโต 3,415 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 144%) รายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงาน และค่าบริการ 90 ล้านบาท รายได้จากค่าเช่าโรงแรม และค่าบริการ 189 ล้านบาท และรายได้อื่นอีก 41 ล้านบาท

โดยในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 241% จากไตรมาสเดียวกันของปี 55 และมีกำไรสุทธิยอดสะสม 6 เดือน 1,698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขาย 6 เดือนแรกกวาดไปแล้วกว่า 12,500 ล้านบาท คิดเป็น 63% จากเป้ายอดขายทั้งปี 2556 ที่ตั้งไว้ 20,000 ล้านบาท เติบโต 20 % จากปีก่อน ในขณะที่บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 18,000 ล้านบาท

“บริษัทฯพอใจกับรายได้ของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/56 โดยเฉพาะรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน และคอนโดมิเนียม ที่เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 144 % อีกทั้งยังเติบโตขึ้น 90% จากไตรมาสแรกของปีนี้ด้วย”

โดยรายได้มาจากยอดขายบ้านพร้อมที่ดิน และคอนโดมิเนียม แบ่งสัดส่วนออกเป็นแนวราบ 55% คิดเป็นมูลค่า 3,180 ล้านบาท เติบโต 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคอนโดมิเนียม 45% คิดเป็นมูลค่า 2,600 ล้านบาท เติบโต 500% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จ และสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ 3 โครงการด้วยกัน ได้แก่ คาซ่าคอนโด อโศก-ดินแดง, คาซ่าคอนโด ช้างเผือก-เชียงใหม่ และ เดอะทรัสต์ คอนโด รัชดา-พระราม 3 จึงทำให้ยอดรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Back-log) ประมาณ 10,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 3,700 ล้านบาท ในปี 2557 ประมาณ 3,300 ล้านบาท และในปีถัดไปประมาณ 3,500 ล้านบาท ประกอบกับในปีนี้ บริษัทฯ พัฒนาโครงการที่ตอบรับความต้องการในตลาดบ้านระดับกลาง-ล่างมากขึ้น จึงทำให้มียอดรับรู้รายได้เพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังมีบริษัทในเครือคือ บริษัท เดอะ คอนฟิเด้นซ์ จำกัด และ บริษัท กัสโต้ วิลเลจ จำกัด ที่มุ่งขยายฐานธุรกิจสู่ต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย

สำหรับในช่วง 6 เดือนแรกของปี 56 บริษัทฯ และบริษัทในเครือได้เปิดขายโครงการใหม่ทั้งหมดจำนวน 8 โครงการ แบ่งเป็น โครงการบ้าน จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,631 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,550 ล้านบาท และปิดโครงการบ้าน และโครงการคอนโดมิเนียมที่ขายหมดแล้ว จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ คาซ่าคอนโด สุขุมวิท 97 และ เดอะทรัสต์ ทาวน์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์

และในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการอีก 11 โครงการ มูลค่ารวม 6,437 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการภายใต้แบรนด์ “ควอลิตี้ เฮ้าส์” 1 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมที่จังหวัดเชียงใหม่, โครงการโดยบริษัท คาซ่า วิลล์ จำกัด 2 โครงการ ซึ่งประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 1 โครงการ ที่กรุงเทพฯ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ ที่เชียงใหม่

โครงการภายใต้แบรนด์ “เดอะทรัสต์” 3 โครงการ แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 1 โครงการในกรุงเทพฯ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ที่ต่างจังหวัด

นอกจากนี้ ยังเปิดโครงการใหม่พัฒนาทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว ภายใต้แบรนด์ “กัสโต้” 5 โครงการ ซึ่งประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ 1 โครงการ ทาวน์โฮม ในกรุงเทพฯ 3 โครงการ และต่างจังหวัด 1 โครงการ ทั้งนี้ โครงการทั้งหมดจะทยอยเปิดตามแผนที่วางไว้

เผยปี 2557 ปูพรม 20 โครงการ

ส่วนแผนการดำเนินงานพัฒนาโครงการในปี 57 จะมีประมาณ 20 โครงการ ขณะนี้มีที่ดินรองรับในกทม.-ปริมณฑล แล้ว 11 โครงการ มูลค่าประมาณ 11,050 ล้านบาท และคอนโดฯ ต่างจังหวัด 4 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาท ได้แก่ที่ ชะอำ 2 โครงการ ส่วนอีก 2 โคงการ คือที่ พัทยา และระยอง และกำลังมองหาที่ดินเพิ่มอีกประมาณ 5 แปลง เพื่อพัฒนาแนวราบ แปลงละประมาณ 20 ไร่ขึ้นไป แต่ทั้งนี้ก็ให้ความสนใจที่ดินสำหรับพัฒนาคอนโดฯ ด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากที่ดินที่มีศักยภาพค่อนข้างหายากจึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
กำลังโหลดความคิดเห็น