“พฤกษาฯ” ทุ่มงบ 2,600 ล้านบาท สร้างโรงงานพรีคาสต์ 3 โรง และโรงงานเคลื่อนที่ 1 แห่งในภูเก็ต คาดเดินกำลังการผลิตได้กลางปีหน้า ส่งผลกำลังรวมเพิ่มเป็น 1,100 หลัง/เดือน รองรับการเติบโตได้อีก 3 ปี ปีหน้าเล็งส่งมอบบ้านกว่า 15,000 หลัง ยอมรับปรับขึ้นราคาบ้านปีนี้ 4% ตามต้นทุน ครึ่งปีขึ้นไปแล้ว 2%
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานพรีคลาสต์อีก 3 โรง บนเนื้อที่กว่า 110 ไร่ ทำเลใกล้กับนิคมอุตสหากรรมนวนคร โดยมีกำหนดแล้วเสร้จและสามารถเดินกำลังการผลิตได้ในช่วงเดือนสิงหาคม 2557 โดบใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 2,500 ล้านบาท โรงงานแห่งใหม่ทั้ง 3 โรงนี้ หากเป็นบ้านเดี่ยวขนาด 150 ตร.ม. จะมีกำลังการผลิตที่ 450 หลัง/เดือน และเมื่อรวมกับโรงงานในย่านรังสิตคลอง 4 ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่มี 5 โรง กำลังการผลิตหากเป็นบ้านเดี่ยวจะอยู่ที่ 650 ยูนิต/เดือน จะทำให้ พฤกษา มีกำลังการผลิตรวมที่ 1,100 หลัง/เดือน
นอกจากโรงงานใหม่ในย่านนวนครแล้ว บริษัทยังได้ลงทุนอีก 100 ล้านบาท ในการสร้างโรงงานเคลื่อนที่ในจังหวัดภูเก็ต เพื่อรองรับงานก่อสร้างโครงการต่างๆ ในภูเก็ต จากเดิมที่ต้องขนชิ้นส่วนสำเร็จรูปไปจากปทุมธานี ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูง แต่เทคโนโลยีในการผลิตจะมีน้อยกว่าโรงงานในส่วนกลาง
อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตดังกล่าวจะสามารถรองรับยอดขายของบริษัทไปได้อีกประมาณ 3 ปี โดยในปีที่ผ่านมา ได้ส่งมอบบ้านไป จำนวน 12,283 ยูนิต ส่วนปีนี้ตั้งเป้าส่งมอบบ้านประมาณ 15,000 ยูนิต ตามแผนการเติบโตของบริษัทที่ตั้งไว้เฉลี่ยปีละ 25%
“สำหรับปัญหาแรงงานยอมรับว่ายังขาดแคลน โดยปัจจุบัน บริษัทใช้แรงงานในไซต์งานก่อสร้างประมาณ 20,000 คน ซึ่งที่ผ่านมา ได้ติดต่อไปยังหน่วยงานราชการของประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอรับแรงงานที่มีหนังสือทำงานอย่างถูกต้อง โดยปีนี้ต้องการแรงงานเพิ่มอีก 10% หรือประมาณ 4,000 คน แต่ที่ผ่านมา บริษัทได้พยายามนำเทคโนโยลีในการก่อสร้างเข้ามาใช้ รวมถึงการนำระบบ Real Estate Manufacturing (REM) ซึ่งเป็นนวัตกรรมการควบคุมคุณภาพบ้าน และการก่อสร้างเข้ามาใช้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพการผลิต ลดการสูญเสีย รวมถึงต้นทุนได้เป็นอย่างดี” นายทองมากล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะพยายามรักษาระดับต้นทุนไม่ให้ปรับขึ้นมาก แต่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด ทำให้ต้องปรับขึ้นราคาบ้าน โดยปีนี้คาดว่าจะปรับขึ้นประมาณ 4% ในช่วงครึ่งปีแรกปรับราคาบ้านขึ้นไปแล้ว 2% ในขณะที่ภาพรวมของตลาดราคาจะปรับขึ้นอย่างน้อย 7-10%
ครึ่งปีส่วนแบ่งตลาดยอดขายเพิ่มเป็น 13%
นายทองมา คาดการณ์ว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2556 จะยังคงมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 7-10% โดยมูลค่าตลาดรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 325,771 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 51,448 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 77,910 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 196,413 ล้านบาท โดยในรอบครึ่งปีแรก พฤกษาฯ มีส่วนแบ่งการตลาดด้านยอดขาย 13% เพิ่มขึ้นจาก 9% เมื่อเทียบกับปี 2555 หากแยกตามเซกเมนต์ส่วนแบ่งตลาดทาวน์เฮาส์ 30% หรือประมาณ 8,809 ล้านบาท, บ้านเดี่ยว 11% จำนวน 5,124 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 9% จำนวน 8,067 ล้านบาท
ด้านนายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท พฤกษาฯ กล่าวว่า เมื่อเดือน ก.ค.2556 บริษัทฯ ได้มีการปรับวิสัยทัศใหม่ โดยตั้งเป้าจะเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจลูกค้า จึงมีการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการภายในโดยได้แบ่งการบริหารจัดการตามรายผลิตภัณฑ์ คือ กลุ่มทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และ คอนโดมิเนียม เพื่อให้ครอบคลุม และกระจายการดูแล เพื่อส่งมอบบ้านให้แก่พี่น้องประชาชนทั้งกทม. ปริมณทล และต่างจังหวัด รวมถึงมีการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในใหม่ ส่งผลให้ Business Cycle Time ในกลุ่มทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว ลดลงเหลือเพียง 148 วัน เมื่อเทียบกับปี 2555 ซึ่งมี Business Cycle Time ที่ 167 วัน
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในครึ่งปีแรกปี 2556 สามารถทำกำไรได้ 2,182 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับกำไรครึ่งปีแรกของปี 2555 ที่ 1,635 ล้านบาท โดยมียอดขายรวม 22,670 ล้านบาท และรายได้รวม 15,336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78% และ 33.9% ตามลำดับ
“ด้านยอดขายในรอบครึ่งปีแรก 22,670 ล้านบาท โดยมาจาก ทาวน์เฮาส์ 9,008 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 5,361 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 8,146 ล้านบาท และโครงการในต่างประเทศอีก 155 ล้านบาท ซึ่งยอดขายเพียงครึ่งปีแรกคิดเป็น 64% ของเป้ายอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 35,000 ล้านบาท ในขณะที่รายได้นั้น ในครึ่งแรกปี 2556 จำนวน 15,336 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 4,858 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 2,399 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1,613 ล้านบาท และโครงการในต่างประเทศอีก 165 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทำรายได้ในปี 2556 สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 33,971 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 42,702 ล้านบาท โดยจะรับรู้ในปีนี้ 24,538 ล้านบาท”
ครึ่งปีหลังผุดอีก 45 โครงการ มูลค่า 2.3 หมื่นล้าน
ส่วนแผนพัฒนาโครงการเป้าหมายเปิดโครงการใหม่ 78 โครงการ ครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 33 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 32,000 ล้านบาท เป็นโครงการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 30 โครงการ และโครงการในพื้นที่ต่างจังหวัด 3 โครงการ แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 25 โครงการ บ้านเดี่ยว 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ สำหรับโครงการครึ่งหลังของปี 2556 คาดว่าจะเปิดอีก 45 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 23,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมงบไว้ซื้อที่ดินในช่วงปลายปีอีกประมาณ 33 แปลง มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการลงทุนในอนาคต ส่วนในช่วงครึ่งปีแรกได้ซื้อที่ดินไปแล้ว 42 แปลง มูลค่ารวม 9,000 ล้านบาท