xs
xsm
sm
md
lg

QH ปรับโฉม “เซนเตอร์พอยต์” สู่โรงแรม หวัง 5 ปี ขึ้นแท่นท็อปเทนในไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ควอลิตี้เฮ้าส์ฯ จับ เซนเตอร์ พอยต์ 7 แห่ง ปรับโฉมครั้งใหญ่ จากเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ สู่การเป็นโรงแรมเต็มรูปแบบ เพิ่มช่องทางการทำรายได้หลังระยะเวลาเช่าของลูกค้าเริ่มสั้นลง หวังรองรับลูกค้าพักระยะสั้น -ระยะยาว และนักท่องเที่ยว พร้อมตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 10 โรงแรมใหญ่ของไทย คาดปี 56 สร้างรายได้ 1,900 ล้านบาทเติบโตจากปีก่อนหน้า 15% เล็งนำ เซนเตอร์ พอยต์สีลม เข้ากองทุนอสังหาฯ ระดมทุนอีก 500-600 ล้านบาท คาดปลายปีนี้ได้ข้อสรุป

นางสุวรรณา พุทธประสาท รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QHเปิดเผยว่า ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจของ แบรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ จำนวน 7 แห่ง ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จากเดิมที่ให้บริการในรูปแบบเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เปลี่ยนมาให้บริการแบบโรงแรม เพื่อรองรับความต้องการ และกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น

“กว่า 20 ปี ที่ เซนเตอร์พอยต์ ให้บริการแบบเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ลูกค้าที่เข้าพักระยะยาวมากกว่า 1 เดือน ซึ่งตลอดมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากปัจจุบัน มีชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยน้อยกว่า 1 เดือนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเป็นจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้น เซนเตอร์ พอยต์ จึงได้ยื่นจดทะเบียนเป็นโรงแรม เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้สามารถรองรับได้ทั้งลูกค้าพักระยะสั้น ลูกค้าพักระยะยาว โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ในประเทศไทย”

ทั้งนี้ เซนเตอร์ พอยต์ โฉมใหม่ในรูปแบบของโรงแรม มีจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่ดีอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์การค้า แหล่งชอปปิ้งที่มีชื่อเสียง และการมีขนาดของห้องพักที่ใหญ่กว่า มีสุขอนามัยที่ดีกว่า พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันให้เลือกใช้เมื่อเทียบกับโรงแรมอื่น จะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาพักมากขึ้น และทำให้เรามั่นใจว่าลูกค้าที่เคยเข้าพักจะกลับมาพักซ้ำ รวมทั้งมีการบอกต่อ

สำหรับโรงแรมเซนเตอร์พอยต์มีทั้งหมด 7 แห่ง โดยแบ่งออกเป็น2 ระดับ ได้แก่ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ (Grande Centre Point) ซึ่งเป็นโรงแรมระดับหรู จำนวน 2 แห่ง และเซนเตอร์ พอยต์ เป็นโรงแรมระดับ 3-4 ดาว จำนวน 5 แห่ง กระจายอยู่ตามใจกลางเมืองบนเส้นทางของรถไฟฟ้า

“โรงแรมระดับหรูของแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินัล 21 และโรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ 5 แห่ง ได้แก่ โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ เพลินจิต, โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ ชิดลม, โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ สีลม, โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ ประตูน้ำ และโรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 10 รวมจำนวนห้องพักทั้งสิ้น 2,215 ห้อง

นางสุวรรณา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ เซนเตอร์ พอยต์ จะใช้งบประมาณค่าการตลาดเพิ่มขึ้นคิดเป็น 4-5% ของรายได้รวม จากปกติที่ใช้อยู่ประมาณ 2-3% ของรายได้รวม เพื่อทำการบุกตลาดในประเทศแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน และจะเพิ่มกลยุทธ์ทางการตลาดในต่างประเทศให้มากขึ้นด้วย โดยในประเทศเน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้คนไทยได้รู้จักกับแบรนด์โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์

นอกจากนี้ ยังคงเน้นการจัดทำกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์กับลูกค้าและกลุ่มคู่ค้า ซึ่งเซนเตอร์ พอยต์ นับเป็นโรงแรมที่มีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มคู่ค้าที่เป็นตัวแทนขายทุกช่องทาง ส่วนการทำตลาดในต่างประเทศนั้น มีการไปร่วมงาน Trade Show และ Road Show และทำตลาดผ่านตัวแทนขายในต่างประเทศ ทางด้านช่องทางการขายนั้นจะใช้ 4 ช่องทางหลัก คือ ผ่านลุ่ม Corporate และ Housing Agents ผ่าน Travel Agents ผ่าน Online Travel Agents และผ่านเว็บไซต์ www.centrepoint.com โดยมีเป้าหมายยอดขายรวมทั้ง 7 แห่ง อยู่ที่ 1,900 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2555 ประมาณ 15%

สำหรับ สัดส่วนของลูกค้าที่เข้าพักในปัจจุบัน แบ่งออกเป็นลูกค้าระยะยาว30% และระยะสั้น 70% ปัจจุบันลูกค้ากลุ่มใหญ่ คือ เอเชีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย รองลงมา คือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และตะวันออกกลาง ส่วนลูกค้าคนไทยมีทั้งการเข้ามาใช้บริการห้องพัก และบริการอื่นๆ เช่น ฟิตเนสซึ่งเปิดรับสมัครสมาชิก รวมถึงการใช้บริการห้องอาหาร และห้องสัมมนา

“ปัจจุบัน ชาวอเมริกันเข้ามาพักกับเรามากขึ้นหลังจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว รวมถึงชาวยุโรปก็เริ่มมีจำนวนมากขึ้นเช่นกัน และคาดว่าหลังจากเปิดเออีซีในปี 2558 จะมีลูกค้าจากประเทศในอาเซียนมาประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ยอดการเข้าพักที่เซนเตอร์ พอยต์ เติบโตเพิ่มขึ้น”

นางสุวรรณา กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะนำโครงการ เซนเตอร์พอยต์ สีลม เข้าระดมทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้นำโครงการเซนเตอร์พอยต์จำนวน 6 โครงการเข้าระดมทุนไปแล้ว โดยโครงการที่สีลมนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าระดมทุนในกองดังกล่าว โดยคาดว่าจะมีมูลค่า 500-600 ล้านบาท เนื่องจากเหลืออายุเช่าเพียง10 ปีเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น