“พลัส พร็อพเพอร์ตี้” ปรับแผนรับมือภาวะการเมืองรุนแรง เศรษฐกิจถดถอย ผู้ประกอบการลดเปิดโครงการใหม่ หันรุกธุรกิจบริหารอาคาร ขายคอนโดฯ รีเซลล์แทนสินค้าใหม่ เผยเตรียมขน 3,000 ยูนิต ที่มีศักยภาพ จาก 8,000 ยูนิตในพอร์ตลุยทำการตลาด ตั้งเป้าปี 57 รายได้ 790 ล้านบาท เท่าปีที่ผ่านมา
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้บริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2557 ว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายเท่ากับปี 56 ที่ผ่านมา คือ 790 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าปัญหาการเมือง รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบให้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายประกาศปรับลดการพัฒนาโครงการลง ทำให้ปีนี้คาดว่าจะมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดน้อยลง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในเมือง
จากปัญหาดังกล่าว ทำให้ในปีนี้บริษัทเน้นเป้าหมายรายได้ไปที่ธุรกิจบริหารอาคารในสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากเดิม 45% เนื่องจากปัจจุบันมีอาคารใหม่เข้าสู่จำนวนมาก ทั้งอาคารสำนักงานและคอนโดมิเนียม ที่เปิดขายในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแล้วสร้างเสร็จในช่วงนี้ ส่วนธุรกิจบริหารงานขายลดลงเหลือ 50% จากเดิม 55% โดยการบริหารงานขายจะเน้นไปที่คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ หรือคอนโดฯ รีเซลล์
ปัจจุบัน บริษัทมีคอนโดฯ รีเซลล์ในพอร์ตประมาณ 8,000 ยูนิต ในจำนวนนี้เป็นของกลุ่มแสนสิริประมาณ 30-40% และในจำนวน 8,000 ยูนิตนี้มีประมาณ 3,000 ยูนิต เป็นคอนโดฯ ที่มีศักภาพ อยู่ในทำเลดี ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะนำมาทำการตลาดอย่างจริงจัง เพื่อทดแทนตลาดคอนโดฯ เปิดใหม่ ส่วนสินค้าที่เหลืออีกประมาณ 5,000 ยูนิต เป็นสินค้าที่มีอายุนาน 7-10 ปี อยู่ในทำเลที่ห่างนอกเมืองออกไป ไม่ได้อยู่ตามแนวรถไฟฟ้า หรือตั้งราคาขายสูงเกินไปจนทำให้ไม่น่าสนใจ โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายคอนโดฯ รีเซลล์ไว้ที่ 3,800 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ขายได้ 3,600 ล้านบาท
“จากตัวเลขการขายยังพบว่าคนนิยมซื้อคอนโดฯ รีเซลล์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาถูกกว่าคอนโดฯ เปิดใหม่ที่อยู่ในทำเลใกล้เคียงกันประมาณ 30% นอกจากนี้ ผู้บริโภคได้เห็นสินค้าของจริง โดยราคาที่นิยมมากที่สูดจะอยู่ที่ 1-3 ล้านบาท สร้างเสร็จมาแล้วประมาณ 1-3 ปี ซึ่งพลัสมีสินค้าในระดับราคานี้ประมาณ 60-70% ในช่วงที่ผ่านมา ขายได้เฉลี่ย 2 ยูนิต/วัน” นายภูมิศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังพบว่าคนไทยนิยมหันมาเช่าคอนโดฯ ติดแนวรถไฟฟ้าอยู่อาศัยมากขึ้น โดยมาจากหลายสาเหตุ โดยประมาณ 50% เป็นผู้เช่าเดิมแต่ต้องการเปลี่ยนทำเล บางส่วนในช่วงที่มีการชุมนุมประท้วงเดินทางไม่สะดวกเลยหาที่พักอาศัยใกล้ที่ทำงาน บางรายต้องการย้ายไปเช่าในทำเลแนวรถไฟฟ้าตอนปลาย เช่น จากพระโขนงเป็นต้นไป เนื่องจากมีค่าเช่าที่ถูกกว่า ซึ่งสามารถใช่บริการรถไฟฟ้าในการเดินทางได้ โดยกลุ่มนี้มีทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ซึ่งระดับค่าเช่าที่นิยมมากประมาณ 10,000 บาทบวกลบต่อเดือน โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา สามารถปิดการจราจา(ดีล)การเช่าไปกว่า 100 ยูนิต เมื่อเทียบกับปี 56 ทั้งปี สามารถปิดดีลการเช่า 600 ยูนิต
สำหรับการรับบริหารงานขายโครงการใหม่ปี 57 มี 13 โครงการ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท ซึ่งเปิดไปแล้ว 7 โครงการ จำนวน 3,200 ยูนิต สร้างยอดขายได้แล้วประมาณ 2,000 ยูนิต หรือประมาณ 63% ส่วนที่เหลืออีก 6 โครงการ จะทยอยเปิดหลังจากนี้.