นักวิเคราะห์เชื่อหากสถานการณ์การเมืองชัดเจนกลางปี “จีดีพี” จะเติบโตได้ 2-3% โดยการส่งออกจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจ พร้อมมั่นใจผลกำไร “บจ.” ยังเติบโตได้ 8-15%
สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน จัดประชุมระดมความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์ เพื่อประเมินสถานการณ์การเมือง และผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดทุน โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่า สถานการณ์การเมืองปัจจุบันส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลให้การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุน และการบริโภคชะลอตัวลง จากการสำรวจพบว่า นักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการจีดีพีระดับหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มสถาบันต่างชาติ ซึ่งปรับลดอัตราการเติบโตมากกว่านักวิเคราะห์ไทย อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนในช่วงกลางปี 2557 น่าจะช่วยให้จีดีพีเติบโตอยู่ในระดับร้อยละ 2-3
ทั้งนี้ เชื่อว่าการขยายตัวของภาคส่งออกจะเป็นปัจจัยหลักผลักดันให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโต เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ และญี่ปุ่นจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การบริโภคจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับฐานปี 2556 ที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ นอกจากนี้ สถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันยังทำให้ภาครัฐไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างเต็มที่ ส่งผลต่อการตัดสินใจ และการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ที่สำคัญ เช่น การที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่ครบอายุ และยังต้องรอการแต่งตั้งใหม่จากรัฐบาล อาจทำให้การลงทุนทางตรงที่ขอรับการส่งเสริมเกิดความล่าช้า หรือล้มเลิกโครงการ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีข่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แจ้งว่า รัฐบาลรักษาการสามารถดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการบีโอไอที่ยังค้างได้ และการอนุมัติโครงการตามคำขอส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติที่รอการพิจารณาอยู่ประมาณ 500,000 ล้านบาทนั้น เป็นการใช้อำนาจของคณะกรรมการตามที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงไม่เข้าข่ายที่ต้องเสนอ กกต.ให้ความเห็นชอบก่อน ซึ่งจะต้องไม่เข้าข่ายใช้ทรัพยากรของรัฐ หรือบุคลากรของรัฐที่ต้องไม่มีผลผูกพันต่อ ครม.ชุดต่อไป ซึ่งนักวิเคราะห์เห็นว่า ในที่สุดรัฐบาลจะสามารถแต่งตั้งคณะกรรมการได้ ทำให้ความเสี่ยงในประเด็นนี้หมดไป แต่ระหว่างที่ยังคงเป็นรัฐบาลรักษาการ ก็ยังอาจมีความเสี่ยงทำนองเดียวกันอีกได้
นักวิเคราะห์เห็นว่า หากสถานการณ์บ้านเมืองสงบลงภายในกลางปีนี้ และสามารถจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศได้ ผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคธุรกิจอาจอยู่ในวงจำกัด ทั้งนี้ กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ในอัตราสูงกว่าอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยปัจจุบันยังมีการประเมินว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉลี่ยจะขยายตัวได้ในระดับร้อยละ 8-15 สำหรับปี 2557 ซึ่งเป็นผลจากยอดขายรับรู้รายได้ การปรับตัวของผู้ประกอบการ และจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านักวิเคราะห์ทยอยปรับลดคาดการณ์ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไปตามสถานการณ์แล้ว แต่มีโอกาสที่ตัวเลขประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรจะเปลี่ยนแปลงได้อีก โดยมีตัวแปรสำคัญ ได้แก่ ตัวเลขกำไรปี 2556 ที่กำลังทยอยประกาศ รวมถึงสถานการณ์การเมืองจะจบลงภายในไม่เกินกลางปีนี้ตามสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือไม่
สำหรับความเสี่ยงอื่นที่ส่งผลต่อความน่าสนใจของตลาดทุน นอกเหนือจากประมาณการกำไรของบริษัทแล้ว การประเมินมูลค่าของบริษัทจดทะเบียนระยะยาวอาจได้รับผลกระทบ เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจระดับต่ำจากการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ จะทำให้ส่วนชดเชยความเสี่ยงปรับสูงขึ้น ซึ่งจะลดความน่าสนใจในการลงทุนได้เช่นกัน