xs
xsm
sm
md
lg

ลลิลฯ หวั่นการเมืองลากยาวถึงกลางปี ตั้งแผนธุรกิจยืดหยุ่นรับภาวะผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไชยยันต์ ชาครกุล
“ลลิล” หวั่นปัญหาการเมืองยื้อเยื้อถึงกลางปี เตรียมแผนธุรกิจแบบหยืดหยุ่นรับมือความผันผวน เผยเปิด 6-8 โครงการใหม่ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ในครึ่งปีหลัง มุ่งกลุ่มเรียลดีมานด์ บ้านแนวราบกระจายความเสี่ยงทั้งใน กทม.-ต่างจังหวัด พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 3,200 ล้านบาท

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2557 จะเป็นอีกปีหนึ่งที่ท้าทายความสามารถในการบริหาร เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายตัวเข้ามากระทบทั้งจากภายใน และภายนอกประเทศ เช่น ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ยังต้องเฝ้าดูการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ว่าจะมีเสถียรภาพเพียงใด ตลอดจนการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการไหลกลับของเงินทุนสู่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ได้

นอกจากนี้ ไทยยังประสบปัญหาวิกฤตการเมืองที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 56 จนถึงปัจจุบัน และยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะจบลงเมื่อใด ซึ่งทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ และการเมืองได้ส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น การบริโภคถดถอย โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ พิจารณาได้จากยอดเยี่ยมชมโครงการในช่วง ต้นปีที่ผ่านมา ลดลงประมาณ 20% ส่วนยอดขายลดลงประมาณ 17-18% นอกจากนี้ ยังพบว่ายอดปฏิเสธสินเชื่อปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 15-20% จากที่ปี 56 อยู่ที่ไม่เกิน 15% สะท้อนว่าธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น ในปี 57 บริษัทได้วางแผนการดำเนินธุรกิจแบบหยืดหยุ่น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นๆ ภายใต้การบริหารความเสี่ยงทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ 1.บริหารกระแสเงินสดให้มีเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท 2.การรบริหารต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งด้านบุคคลากร และงบประมาณการก่อสร้าง และ 3.บริหารสะต๊อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขาย

โดยในปี 57 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 6-8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวจะเป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ ที่เหลือเป็นบ้านแนวราบทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ในจำนวนดังกล่าวมีที่ดินรองรับแล้ว 4-5 โครงการ และซื้อเพิ่มเติมอีกบางส่วนโดยปีนี้เตรียมงบซื้อที่ดินไว้ประมาณ 800-900 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้ากลุ่มแนวราบในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนหัวเมืองหลัก และหัวเมืองชั้นรอง เน้นภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยยังคงเจาะกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ พร้อมรุกตลาดระดับกลางลงล่าง

พร้อมตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ที่ 3,200 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ 2,700 ล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 10-15% จากปีก่อนที่มียอดขาย 2,700 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,250 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมี Backlog 1.2-1.3 พันล้านบาท รับรู้รายได้ปีนี้ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป

“ปีนี้ถ้าจะเปิดคอนโดฯ ต้องดูให้รอบคอบ เพราะซัปพลายเหลืออยู่ในตลาดมาก ส่วนแนวราบยังพอมีช่องว่างตลาดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกยังคงไม่เปิดโครงการใหม่ เนื่องจากยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมือง โดยจะไปเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง และหากการเมืองยังคงยื้ดเยื้อก็จะไม่ลงทุนคอนโดฯ ในปีนี้” นายไชยยันต์ กล่าว

นายไชยยันต์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการรายเล็กหลายรายได้นำโครงการมาเสนอขายให้ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยในเขตกรุงเทพฯ จะเป็นโครงการคอนโดฯ ที่ประสบปัญหาจนไม่สามารถพัฒนาโครงการได้ เช่น ยอดขายไม่ได้ตามเป้าที่ธนาคารกำหนดไว้จึงไม่ปล่อยสินเชื่อให้พัฒนาโครงการ หรือบางรายไม่สามารถหาผู้รับเหมามาพัฒนาโครงการได้ จนต้องนำโครงการมาขาย ขณะที่ตลาดต่างจังหวัด จะเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นที่ไม่ต้องการแข่งขันหรือไม่สามารถต่อสู้กับผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางที่เข้าไปทำตลาดในพื้นที่ได้ ทั้งนี้ บริษัทมีความสนใจที่จะซื้อโครงการเหล่านี้มาพัฒนาต่อ แต่จะต้องเป็นโครงการที่มีศักยภาพพอที่จะนำมาพัฒนาต่อได้

ขณะที่บริษัทรายกลาง เช่น เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ได้วางแผนการดำเนินธุรกิจปีนี้ว่าจะเปิดตัวโครงการใหม่ 8 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 3 โครงการ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ และธุรกิจเช่า 1 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท มุ่งเน้นแนวราบมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 25 และยอดขาย 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12%
กำลังโหลดความคิดเห็น