ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (11 ก.พ.) ปิดที่ระดับ 1,296.25 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +5.59 จุด หรือ +0.43 มูลค่าการซื้อเบาบางเพียง 24,481.06 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,299.85 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,288.36 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์แกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบตลอดทั้งวัน
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น จำนวน 379 หลักทรัพย์ ลดลง 242 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 244 หลักทรัพย์
การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,457.40 ล้านบาท ในขณะที่สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 751.13 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 523.99 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 182.28 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับหลักทรัพย์ คือ
ADVANC ปิดที่ 209.00 บาท ลดลง -2.00 บาท หรือ -0.95% มูลค่าการซื้อขาย 2,163,555 ล้านบาท
JAS ปิดที่ 7.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,770,373 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 166.50 บาท เพิ่มขึ้น +1.00 บาท หรือ +0.60% มูลค่าการซื้อขาย 1,403,800 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 151.00 บาท ลดลง -2.00 บาท หรือ -1.31% มูลค่าการซื้อขาย 1,231,290 ล้านบาท
PTT ปิดที่ 289.00 บาท เพิ่มขึ้น +2.00 บาท หรือ +0.70% มูลค่าการซื้อขาย 912,956 ล้านบาท
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่เข้ามา โดยประเด็นหลักที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตามอง คือ การที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเตรียมจะแถลงทิศทางนโยบายการเงิน และมุมมองเศรษฐกิจต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในคืนนี้ และต่อวุฒิสภาอีกครั้ง ในวันที่ 13 ก.พ.นี้ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางการลงทุนในตลาดโลกว่าจะไปในทิศทางไหน และมีแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไร และนโยบายการเงินหลังจากนี้
“อย่างไรก็ดี คาดว่านโยบายของนางเยลเลน น่าจะยังคงอยู่ในทิศทางเดียวกันกับนายเบน เบอร์นันเก้ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้คาดว่าจะไม่มีผลในเชิงบวกต่อนักลงทุนในประเทศไทยมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการลด หรือคงมาตรการ QE ต่อเนื่องไปอีก เพราะว่านักลงทุนส่วนใหญ่รับรู้ข่าวในส่วนนี้ไปแล้ว แต่น้ำหนักของบรรยากาศการลงทุนในขณะนี้จะอยู่ที่ปัจจัยการเมืองภายในประเทศมากกว่า ซึ่งจะยังไม่มีข้อสรุปออกมาที่ชัดเจน”
ทั้งนี้ คาดว่ากรอบการลงทุนในวันนี้ และวันพรุ่งนี้จะยังคงเคลื่อนใหวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยแนวรับจะอยู่ที่ 1,285-1,288 จุด ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,300-1,306 จุด ทั้งนี้ นักลงทุนที่เข้ามาก่อนหน้านี้แล้วยังคงติดอยู่ แนะนำว่าควรลงทุนในระยะกลาง และระยะยาว