xs
xsm
sm
md
lg

ม.ค.รายย่อยซื้อกว่า 1 หมื่นลบ.โบรกฯ หวั่นหลัง 2 ก.พ.แรงขายพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หุ้นไทยปิดตลาด +10.21 จุด อยู่ที่ระดับ 1,274.28 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 21,567.49 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากปัญหาการเมืองภายในประเทศที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และความกังวลต่อสถานการณ์ความรุนแรงหลังวันเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (31 ม.ค.) ปิดที่ระดับ 1,274.28 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +10.21 จุด หรือ +0.81 มูลค่าการซื้อขาย 21,567.49 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,274.50 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,266.78 จุด ภาพรวมดัชนีอาจปรับตัวบวกขึ้นมาตามเทคนิค หลังรับรู้ข่าวการลดวงเงินอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ

หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 419 หลักทรัพย์ ลดลง 234 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 212 หลักทรัพย์

การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 2,984.04 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 71.97 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 2,375.41 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 680.60 ล้านบาท

ทั้งนี้ สรุปยอดการซื้อขายสะสมตั้งแต่วันที่ 1-31 มกราคม 57 พบว่า นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิรวม 10,709.75 ล้านบาท สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิรวม 3,475.45 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิรวม -13,665.35 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิรวม -519.86 ล้านบาท

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1.BBL ปิดที่ 171.50 บาท เพิ่มขึ้น +2.50 บาท หรือ +1.48 มูลค่าการซื้อขาย 1,780,591 ลบ.
2.PTTEP ปิดที่ 153.00 บาท ลดลง -3.00 บาท หรือ -1.92% มูลค่าการซื้อขาย 1,346,133 ลบ.
3.KBANK ปิดที่ 170.00 บาท ลดลง -1.00 บาท หรือ -0.58% มูลค่าการซื้อขาย 1,107,658 ลบ.
4.JAS ปิดที่ 7.05 บาท เพิ่มขึ้น +0.20 บาท หรือ +2.92% มูลค่าการซื้อขาย 1,004,613 ลบ.
5.PTTGC ปิดที่ 71.25 บาท เพิ่มขึ้น +1.75 บาท หรือ +2.52% มูลค่าการซื้อขาย 965,957 ลบ.

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส หรือ ASP กล่าวว่า แนวโน้มภาวะหุ้นไทยที่ปรับตัวดีดขึ้นมาในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นการปรับตัวขึ้นตามเทคนิค หลังจากที่ตลาดปรับตัวลดลงมาหลายวัน อีกทั้งนักลงทุนรับรู้ข่าวการปรับลดเม็ดเงินอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ในการจัดซื้อพันธบัตร จากเดิม 7.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/เดือน ลงมาที่ 6.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/เดือน ซึ่งสะท้อนทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์หน้าสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ และยังคงวิตกกังวลอยู่มากจากปัจจัยลบในเรื่องปัญหาทางการเมืองที่มีความขัดแย้ง และทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเหตุการณ์หลังจากวันเลือกตั้งที่ 2 กุมภาพันธ์ที่จะถึง ยังไม่มีใครที่จะสามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะนักลงทุนบางส่วนที่คาดว่าจะมีแรงเทขายออกมา และมีแรงซื้อที่ลดลง เพื่อชะลอดูเหตุการณ์หลังการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ คาดว่าดัชนี SET INDEX ในสัปดาห์หน้าจะมีกรอบแนวรับอยู่ที่ประมาณ 1,280 จุด และมีกรอบแนวต้านที่ 1,250 จุด จากทิศทางการอ่อนตัวลงของค่าเงินบาท และดัชนีราคาทองคำที่ลดลงเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น