ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 ม.ค.) ปิดที่ระดับ 1,308.34 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +17.85 จุด หรือ +1.38 มูลค่าการซื้อขายกว่า 36,853.76 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,312.18 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,288.71 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์ปรับตัวบวกขึ้นมาตามเทคนิค โดยนักลงทุนต่างประเทศซื้อสะสมหุ้นไทยกว่า 1,859.05 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยกังวล พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เทขายสูงสุดกว่า 2,788.52 ล้านบาท จากความกังวลของสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น จำนวน 462 หลักทรัพย์ ลดลง 235 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 205 หลักทรัพย์
การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 1,859.05 ล้านบาท สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 759.80 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ169.67 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนทั่วไป ขายสุทธิ 2,788.52 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
TRUE ปิดที่ 7.55 บาท ลดลง -0.35 บาท หรือ -4.43% มูลค่าการซื้อขาย 2,665,944 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 175.00 บาท เพิ่มขึ้น +5.00 บาท หรือ +2.94% มูลค่าการซื้อขาย 2,617,407 ล้านบาท
AOT ปิดที่ 167.50 บาท เพิ่มขึ้น +7.50 บาท หรือ +4.69% มูลค่าการซื้อขาย 2,323,380 ล้านบาท
BBL ปิดที่ 178.50 บาท เพิ่มขึ้น +3.50 บาท หรือ +2.00% มูลค่าการซื้อขาย 2,318,810 ล้านบาท
SCB ปิดที่ 156.50 บาท เพิ่มขึ้น +6.00 หรือ +3.99% มูลค่าการซื้อขาย 2,204,466 ล้านบาท
นายธีรศักดิ์ ธนวรากุล นักวิเคราะห์เทคนิคตราสารทุน และตราสารอนุพันธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้จากแรงซื้อที่เข้ามาไม่ได้มีปริมาณมาก จากความกังวลปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุน ตลอดจนถึงการคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.25% ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ เพราะฉะนั้นแนวต้านที่ 1,300 จุด อาจจะยังไม่สามารถผ่านได้ ในขณะที่การปรับตัวลดลงของ SET INDEX จะเป็นไปในลักษณะค่อยๆ แกว่งตัวออกด้านข้าง
อย่างไรก็ดี กลุ่มที่นักลงทุนจะต้องจับตามอง และอาจเข้าไปเก็งกำไรผลประกอบการที่กำลังจะประกาศออกมา ได้แก่ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มสื่อสาร ทั้งนี้ กรอบแนวรับโดยประมาณคือ 1,290 จุด และกรอบแนวต้านโดยประมาณคือ 1,300 จุด
