“MBKET” แนะนักลงทุนควรทยอยซื้อสะสมในหุ้นปัจจัยพื้นฐานหลัก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากภาพรวมการเมืองที่ยังรุนแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้ฝรั่งขายหุ้นไทย 3 วันรวด จากความหวาดระแวงของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่รัฐบาลรักษาการประกาศใช้ออกมา อีกทั้ง กนง.ยันคงดอกเบี้ยเดิมที่ 2.25% อาจส่งผลต่อ GDP ปีนี้โตแค่ 3% เท่านั้น
นักวิเคราะห์จาก บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง หรือ MBKET กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดวันนี้ประเด็นสำคัญยังคงอยู่ที่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ ที่ส่งผลโดยรวมต่อบรรยากาศการลงทุนซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยจากที่ปิดตลาดเมื่อวาน (22 ม.ค.) ปรับตัวลดลง 2.61 จุด ปิดที่ 1,290.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 31,761 ล้านบาท แม้ว่ารัฐบาลรักษาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ กนง.มีมติ 4 ต่อ 3 เสียงในการจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25% ส่งผลให้ประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDPในปี 2557 อาจจะเติบโตแค่เพียง 3% เท่านั้น
ทั้งนี้ ช่วงระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมา จากการที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 862 ล้านบาท และ Short ใน Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 215 สัญญา พร้อมขายสุทธิตลาดตราสารหนี้วันแรกในรอบ 3 วันทำการ 587 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รายการ Big Lot หุ้น BJC-F มูลค่า 1,834 ล้านบาท ส่งผลทำให้กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มไม่มีความชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ภาวะการลงทุนวันนี้ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทยคาดว่าแกว่งตัวขึ้นลงระหว่าง 1,285 จุด ถึง 1,300 จุด จากแรงเก็งกำไรต่อหุ้นกลุ่มธนาคารที่ยังคงโดดเด่น หลัง กนง. ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย RP1 วัน บวกกับงบการเงินไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 ของกลุ่มธนาคารออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ชดเชยกับการชะลอตัวของสินเชื่อในครึ่งปีนี้ และราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ กลายเป็นตัวแปรช่วยจำกัดคือความเสี่ยงขาลง หรือ downside risk ของดัชนี SET INDEX ช่วงสั้นๆ นี้
ขณะเดียวกัน ปัจจัยที่เป็นประเด็นสำคัญต่อการลงทุนยังคงเป็นปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง เพราะยิ่งเข้าใกล้วันเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 26 ม.ค. ยิ่งมีความเสี่ยงต่อความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่ ศรส. เตรียมประกาศรายละเอียด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันที่ 27 ม.ค. แม้ว่าภาพการเมืองที่สะท้อนออกมาถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ บวกกับการคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันของ กนง. แต่กลับกดดันให้ต่างชาติ ขายสุทธิเพียงเล็กน้อย เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงของตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรทยอยซื้อสะสมในหุ้นปัจจัยพื้นฐานหลักเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากสถานการณ์ความผันผวนทางการเมือง