ASTV ผู้จัดการรายวัน -หุ้นไทยผันผวนจัดปิดบวก 3 จุด โบรกฯเตือนระวังแรงขาย หลังรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้จะฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนไทยและต่างประเทศ พร้อมให้จับตาผลประชุมกนง. และแรงซื้อที่ไหลเข้าเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21 ม.ค.) ปิดที่ระดับ 1,293.10จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.11 จุด หรือ +0.24% มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 27,099.84 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,304.28 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,285.17 จุด โดยนักลงทุนสถาบันเข้าซื้อกว่า 1,344.88 ล้านบาท สวนทางกับ บัญชีหลักทรัพย์ที่ขายออกกว่า -1,244.42 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 863.62 ล้านบาท และ นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ -964.07 ล้านบาท
โดยภาพรวมปัจจัยลบที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยยังคงมาจากความกังวลของสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวผันผวนจากปัจจัยความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ ในขณะที่ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ยังไม่มีประเด็นบวกเข้ามา ประกอบกับดัชนี SET INDEX ในขณะนี้ค่า P/E อยู่ในระดับที่เกิน 14 เท่า จึงทำให้เห็นแรงเทขายเพื่อทำกำไร
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(22 ม.ค.) คาดว่าตลาดฯน่าจะยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง ซึ่งวอลุ่มเทรดของตลาดฯจะยังคงเบาบาง โดยต้องติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศเป็นหลัก และติดตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. หากมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงจะส่งผลดีต่อตลาดฯในระยะสั้น ขณะที่ระยะกลาง-ยาว ควรระวังเงินทุนไหลออก ทำให้ประมาณแนวรับที่ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,300 จุด
ขณะที่นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การซื้อขาย Set50 Futures วันนี้ เปิดตลาดต้นช่วงบ่ายที่ตลาดปรับตัวลดลงเพราะมีความกังวลเกี่ยวกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ในระหว่างการซื้อขายยังไม่มีข้อสรุป ตลาดจึงฟื้นตัวขึ้นมา ขณะที่ทิศทางวันนี้ (22 ม.ค.) ตลาดยังมีโอกาสอ่อนตัวลงได้แต่ไม่น่าปรับลงลึกมากและสักพักน่าจะมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ ส่วนหนึ่งเพราะเชื่อว่าแรงขายมีน้อยลง และแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กเพื่อเก็งผลประกอบการจะเริ่มเข้ามาจากนี้ไป
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าว่า รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน(พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เป็นเวลา 60 วัน เพื่อใช้ควบคุมสถานการณ์ในประเทศแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวนักวิเคราะห์เชื่อว่าจะส่งผลเป็นปัจจัยลบต่อดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (22ม.ค.) เพราะการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ จนเกิดแรงเทขายที่อาจทำให้ดัชนีปรับตัวลดลง
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21 ม.ค.) ปิดที่ระดับ 1,293.10จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.11 จุด หรือ +0.24% มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 27,099.84 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,304.28 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,285.17 จุด โดยนักลงทุนสถาบันเข้าซื้อกว่า 1,344.88 ล้านบาท สวนทางกับ บัญชีหลักทรัพย์ที่ขายออกกว่า -1,244.42 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 863.62 ล้านบาท และ นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ -964.07 ล้านบาท
โดยภาพรวมปัจจัยลบที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยยังคงมาจากความกังวลของสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวผันผวนจากปัจจัยความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ ในขณะที่ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ยังไม่มีประเด็นบวกเข้ามา ประกอบกับดัชนี SET INDEX ในขณะนี้ค่า P/E อยู่ในระดับที่เกิน 14 เท่า จึงทำให้เห็นแรงเทขายเพื่อทำกำไร
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(22 ม.ค.) คาดว่าตลาดฯน่าจะยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง ซึ่งวอลุ่มเทรดของตลาดฯจะยังคงเบาบาง โดยต้องติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศเป็นหลัก และติดตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. หากมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงจะส่งผลดีต่อตลาดฯในระยะสั้น ขณะที่ระยะกลาง-ยาว ควรระวังเงินทุนไหลออก ทำให้ประมาณแนวรับที่ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,300 จุด
ขณะที่นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การซื้อขาย Set50 Futures วันนี้ เปิดตลาดต้นช่วงบ่ายที่ตลาดปรับตัวลดลงเพราะมีความกังวลเกี่ยวกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ในระหว่างการซื้อขายยังไม่มีข้อสรุป ตลาดจึงฟื้นตัวขึ้นมา ขณะที่ทิศทางวันนี้ (22 ม.ค.) ตลาดยังมีโอกาสอ่อนตัวลงได้แต่ไม่น่าปรับลงลึกมากและสักพักน่าจะมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ ส่วนหนึ่งเพราะเชื่อว่าแรงขายมีน้อยลง และแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กเพื่อเก็งผลประกอบการจะเริ่มเข้ามาจากนี้ไป
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าว่า รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน(พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เป็นเวลา 60 วัน เพื่อใช้ควบคุมสถานการณ์ในประเทศแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวนักวิเคราะห์เชื่อว่าจะส่งผลเป็นปัจจัยลบต่อดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (22ม.ค.) เพราะการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ จนเกิดแรงเทขายที่อาจทำให้ดัชนีปรับตัวลดลง
