xs
xsm
sm
md
lg

LVT ออกหุ้นเพิ่มทุนแถมวอร์แรนต์ 350 ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“แอล.วี.เทคโนโลยี” ระดมทุน 350 ล้านบาท แถมวอร์แรนต์ให้ผู้ถือหุ้น 2 หุ้นใหม่ต่อ 1 วอร์แรนต์ เล็งทุ่มลงทุนโรงปูนซีเมนต์ในพม่า ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูง หวังสร้างสินทรัพย์ถาวร และผลกำไรให้เติบโตแบบยั่งยืน

นายวิชัย ตันติกุลานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.วี.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ LVT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2557 ได้มีมติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 807,677,462 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมไม่เกิน 538,451,641 หุ้น ในอัตรา 1.28 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 0.65 บาท ซึ่งจะได้เงินจากการเพิ่มทุนก้อนนี้ จำนวน 350 ล้านบาท นอกจากนี้ ที่เหลืออีก 269,225,821 หุ้น จะถูกจัดสรรให้แก่ผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตรา 2 หุ้นใหม่ ต่อ 1 วอร์แรนต์ ซึ่งกำหนดราคาใช้สิทธิแปลงสภาพ LVT-W4 ในราคา 1 บาท ภายในระยะเวลา 4 ปี โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Record Date) ในวันที่ 18 มีนาคม 2557

ทั้งนี้ เงินเพิ่มทุนจะนำไปลงทุนในโรงปูนซีเมนต์ในประเทศพม่า ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเป็นการร่วมทุนกับ MAX Manufacturing ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ปูนซีเมนต์ในพม่า ทำให้ LVT เป็นหุ้นส่วนในโรงปูนซีเมนต์ที่อยู่ใกล้เคียงกับกรุงเนปิดอ เมืองหลวงแห่งใหม่ของพม่า โดยจะเป็นสินทรัพย์ถาวรที่สร้างรายได้ และกำไรอย่างต่อเนื่องให้แก่ LVT ในระยะยาว

การเพิ่มทุนครั้งนี้สืบเนื่องจากมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2556 ที่เสนอให้ขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) 51 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.25 บาท แต่ไม่สามารถขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว เนื่องจากราคาหุ้นได้ตกต่ำตามสภาพตลาด อันสืบเนื่องจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง ทำให้ราคาหุ้นในตลาดต่ำกว่าราคาที่เสนอขาย ตลอดจนใบสำคัญแสดงสิทธิ LVT-W3 ซึ่งได้รับอนุมัติจากการประชุมครั้งเดียวกันนั้น มีจำนวนเหลือมากกว่า 172 ล้านหน่วย และจะหมดอายุลงในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 คาดว่าจะไม่มีการใช้สิทธิเพิ่มเติมจากสาเหตุเดียวกัน ส่งผลให้การเพิ่มทุนครั้งดังกล่าวไม่ได้รับเงินตามที่คาดการณ์ไว้

ดังนั้น จึงต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2557 ที่กำหนดจัดในวันที่ 11 มีนาคม 2557 โดยได้กำหนดวาระการประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จาก 915,230,874 บาท เป็น 864,230,874 บาท โดยตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ยังไม่ได้ออกจำหน่าย 51 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท พร้อมมีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ อีก 807,677,462 บาท โดยการออกหุ้นสามัญสามัญ จำนวน 807,677,462 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จาก 864,667,462 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 1,671,908,336 บาท โดยหุ้นสามัญเพิ่มทุน 807,677,462 หุ้น จะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรก 538,451,641 หุ้น จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตรา 1.28 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 0.65 บาท และอีก 269,225,821 หุ้น สำหรับรองรับการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ LVT-W4 ในราคา 1 บาท ภายในเวลา 4 ปี

นายวิชัย กล่าวว่า บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นในการให้ความเห็นชอบการเพิ่มทุนครั้งนี้ เนื่องจากเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอันจะนำไปสู่การสร้างสินทรัพย์ถาวร ซึ่งจะสร้างรายได้ และกำไรต่อเนื่องในระยะยาวจากอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในประเทศพม่า ที่กำลังบูมเต็มที่ และมีความต้องการใช้ปูนอีกจำนวนมาก

“อันที่จริงเราได้เตรียมการเข้าไปลงทุนในพม่าไว้แล้ว จากมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อต้นปี 2556 ในการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) และการแปลงสภาพวอร์แรนต์ LVT-W3 แต่จากสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย การเพิ่มทุนครั้งดังกล่าวจึงไม่สำเร็จ” นายวิชัยกล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นในการขอความเห็นชอบผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยเงิน 350 ล้านบาทที่ระดมจากการเพิ่มทุน (R.O.) ส่วนหนึ่งหรือ 265 ล้านบาท จะนำไปลงทุนในบริษัท Ceminter Pte.Ltd โดยเป็นบริษัทย่อยของ LVT ซึ่งบริษัทฯ ได้ลงทุนไปแล้วก่อนหน้านี้เป็นจำนวน 176 ล้านบาท และส่งผลให้ LVT เป็นผู้ถือหุ้นใน Ceminter Pte.Ltd รวมทั้งสิ้นคิดเป็นร้อยละ 51 โดยบริษัทฯ ดังกล่าวจะเข้าไปถือหุ้น 30% ในบริษัท Max Manufacturing ซึ่งเป็นบริษัทฯ จดทะเบียนในพม่า ที่ดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายซีเมนต์ โดยมีกำลังการผลิต 1,500 ตันต่อวัน และปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงโรงงานผลิตซีเมนต์แห่งใหม่ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2557 ส่วนที่เหลืออีก 85 ล้านบาท จากเงินเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจบริษัทฯ

การร่วมทุนกับ MAX Manufacturing ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญเนื่องจากเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการทำธุรกิจ LVT จากเดิมที่มีรายได้หลักจากการเป็นที่ปรึกษา และให้บริการด้านวิศวกรรม โดยต้องหางานใหม่ๆ เข้ามาป้อนตลอดเวลา แต่หลังจากที่บริษัทฯ เข้าไปมีส่วนในการสร้างสินทรัพย์ถาวรในรูปโรงปูนซีเมนต์ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ และกำไรที่ต่อเนื่องในระยะยาว โดยคาดว่าบริษัทฯ จะได้รับเงินปันผลของบริษัท Ceminter Ptd Ltd. ได้ภายในปี 2560

ปัจจุบัน ในประเทศพม่ามีกำลังผลิตปูนซีเมนต์รวมกันประมาณ 2.2 ล้านตันต่อปี ในขณะที่ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ประมาณ 6.5 ล้านตันต่อปี ทำให้มีส่วนต่างประมาณ 4.3 ล้านตันต่อปี ซึ่งต้องนำเข้าโดยประมาณ 60% จากไทย และอีก 40% จากอินเดีย และเวียดนาม โดยในปี 2557 จะมีกำลังการผลิตในพม่าเพิ่มขึ้นอีก 1.5 ล้านตัน ทั้งจากโรงงานใหม่ และการปรับปรุงโรงงานเก่า และจะเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านตัน ในปี 2558 ขณะที่อัตราการเติบโตของความต้องการเพิ่มขึ้นประมาณ 15% ต่อปี


กำลังโหลดความคิดเห็น