“แอล.วี.เทคโนโลยีฯ” เผยไตรมาสแรกพลิกกำไร 154 ล้านบาท หลังจากขาดทุนต่อเนื่อง 2 ปีในปี 2555 และ 2554 เผยนำส่งงบล่าช้า เหตุปรับวิธีบันทึกบัญชีเป็น Dual Accounting แจงบริษัทรับรู้รายได้เป็นสกุลเงินต่างประเทศ ขณะที่การบันทึกบัญชีก่อนหน้านี้ทำเป็นรูปของเงินบาทเพียงสกุลเดียว ชี้เร่งปฏิบัติตามเกณฑ์ ก.ล.ต.และมาตรฐานการบัญชีที่รับรองทั่วไปที่เป็นหลักสากล ทำให้ต้องรื้อระบบบัญชีย้อนหลัง เพื่อบันทึกบัญชีทั้งสกุลต่างประเทศ และสกุลเงินบาท คาดแล้วเสร็จครบถ้วนสิ้นเดือนกันยายนนี้ ย้ำความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจที่ยังคงเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง โดยล่าสุด งานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3 พันล้านบาท ขณะที่สิ้นปียอดงานในมือพุ่งแตะระดับ 5 พันล้านบาท พร้อมรับรู้รายได้จากการปิดงานในอเมริกาใต้ พม่า ตะวันออกกลาง และแอฟริกาใต้
นายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท แอล.วี.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ LVT ผู้นำธุรกิจด้านการให้บริการวิศวกรรม ออกแบบ คิดค้น พัฒนา จัดหา และควบคุมการติดตั้งอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในหลายประเทศทั่วโลก เปิดเผยถึงผลประกอบการเฉพาะกิจการไตรมาสแรก (มกราคมถึงมีนาคม 2556) ของบริษัทฯ ว่า LVT มีกำไรสุทธิในงวดดังกล่าว 154.47 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะเป็นการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ยังเป็นการพลิกจากที่มีผลขาดทุนสุทธิต่อเนื่อง 2 ปี ในปี 2555 ซึ่งบริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 293.20 ล้านบาท และ 23.88 ล้านบาทในปี 2554 อีกด้วย
ขณะเดียวกัน ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2556 ยังเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 12.72 ล้านบาท คิดเป็น 141.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,114.39% ส่วนงบการเงินรวมไตรมาสแรกของปี 2556 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 89.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 444.60% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 16.39 ล้านบาท
ทั้งนี้ การรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกล่าช้าเนื่องจากบริษัทฯ ต้องจัดทำระบบบัญชีใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเป็นการบันทึกตามมาตรฐานการบัญชีที่รับรองทั่วไปที่เป็นหลักสากล เนื่องจาก LVT รับรู้รายได้เป็นสกุลเงินต่างประเทศ จากงานที่อยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ที่ผ่านมาบริษัทฯ บันทึกบัญชีเป็นสกุลเงินบาท ทั้งที่จริงๆ แล้วบริษัทฯ จะต้องบันทึกเป็น Dual Accounting โดยบันทึกเป็น Dual Currency หรือบันทึกทั้งสองสกุล
โดยขณะนี้การแก้ไขการบันทึกบัญชีสำหรับงบการเงินไตรมาสแรกได้เสร็จสิ้นลง และบริษัทฯ ได้รายงานผลการดำเนินงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนงบการเงินในไตรมาสที่ 2 นั้น คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณสิ้นเดือนกันยายนนี้ ดังนั้น บริษัทฯ จึงขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ พักการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ โดยการขึ้นเครื่องหมาย SP ต่อไปจนถึงช่วงสิ้นเดือนกันยายน
“ในนามของบริษัทฯ เราต้องขออภัยผู้ถือหุ้น LVT สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะแล้วเสร็จเรียบร้อยในเร็วๆ นี้ ส่วนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ นั้น เรายังคงเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง โดย ณ ขณะนี้มียอดงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3 พันล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 5 พันล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งก็จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยปัจจัยสนับสนุนหลักยังมาจากการปิดงานลูกค้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ละตินอเมริกา ประกอบด้วย บราซิล และเปรู ตะวันออกกลาง และแอฟริกาใต้ รวมถึงพม่า ซึ่งแต่ละประเทศยังคงขยายโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ยังอยู่ในระดับที่สูง ส่งผลให้การสร้างโรงงานปูนซีเมนต์ขยายตัวตามไปด้วย” นายเนียลเซ่นกล่าว
ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาอาวุโสของ LVT กล่าวย้ำด้วยว่า บริษัทฯ พร้อมที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ด้วยศักยภาพ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ ซึ่งทำให้ลูกค้าทั่วโลกต่างไว้วางใจ มอบหมายให้บริษัทฯ ดูแลงานวางระบบโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ครบวงจร โดยเรายืนยันว่า จะไม่มีการลดจำนวน หรือเลิกจ้างพนักงาน จำนวน 450 คน ที่กระจายอยู่ทั่วโลก แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา จะปรากฏข่าวว่า คู่แข่งรายใหญ่ในตลาดโลกอย่าง FL Smidth จะประกาศลดพนักงานลง 1,100 คน หรือคิดเป็น 11% ของพนักงานทั้งหมดก็ตาม