xs
xsm
sm
md
lg

จับตากำไรหุ้นกลุ่มสื่อสารกระตุ้นนักลงทุนเข้าเทรด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โบรกฯ แนะนักลงทุนจับตาผลประกอบการกลุ่มสื่อสาร ภาพรวมคาดสถานการณ์การเมืองเริ่มเข้มข้น รุนแรงสุดอาจเห็น 1,230 จุด ส่วนการลดเงิน QE กระทบมากหรือน้อยต้องรอดูผลประกอบการบริษัทในสหรัฐฯ ชี้ภาพรวมหุ้นไทยตั้งแต่ชุมนุมลดลงแล้ว 10% สะท้อนปัจจัยลบในประเทศแล้ว ถือเป็นจังหวะเข้าลงทุน ยอมรับหากสถานการณ์ในประเทศยืดเยื้อต่างชาติยิ่งโยกเงินเข้าประเทศเพื่อนบ้านแทน

นายธีรศักดิ์ ธนวรากุล นักวิเคราะห์เทคนิคตราสารทุน และตราสารอนุพันธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ว่า ประเด็นหลักที่เป็นจุดสนใจของนักลงทุนยังคงอยู่ในเรื่องปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง โดยโฟกัสหลักๆ จะเน้นไปที่การเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งในขณะนี้พรรคเพื่อไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาลเอง อยู่ในช่วงของการหยั่งเสียงก่อนการเลือกตั้ง ว่า คะแนนเสียงที่จะได้ในคราวนี้จะมาก หรือน้อยกว่าคะแนนเสียงที่จะได้ในคราวที่แล้วหรือไม่ ซึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือ ถ้าหากว่าคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยในกรุงเทพฯ มากกว่าเดิม แรงกดดันก็จะไปตกอยู่กับกลุ่ม กปปส. แทน และจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะต้องจับตาดูอย่างต่อเนื่องว่า ทั้ง กลุ่ม กปปส. และ พรรคเพื่อไทย จะใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อชิงพื้นที่ฐานเสียงมวลชนได้มากกว่ากัน ซึ่งจะต้องวัดกันที่คะแนนเสียงแล้ว เพราะตอนนี้ต่างฝ่ายต่างประคองตัวเอง

ในแง่ของตลาดหุ้นไทย การประกาศผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารที่ออกมาไม่ได้แย่อย่างที่คาดไว้ ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงที่ปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก หากเทียบกันกับช่วงก่อนที่จะมีการชุมนุมประท้วง โดยสิ่งที่จะต้องจับตามองต่อจากนี้คือ การประกาศผลประกอบการของกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มพลังงาน ที่เตรียมจะทยอยประกาศออกมา ว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น หรือลดลง เพราะจะเป็นกุญแจสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจว่าบริษัทจดทะเบียนยังมีผลการดำเนินงานที่ดีอยู่หรือไม่ เหมาะสมคุ้มค่าต่อการลงทุนต่อรึเปล่า

“กรณีที่เลวร้ายที่สุดของตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET INDEX จะปรับตัวแตะอยู่ที่ 1,260 จุด หรือ 1,230 จุด ซึ่งคาดว่าไม่น่าหลุดต่ำว่านี้ลงไป และมุมมองภาพรวมที่จะปรับตัวขึ้นสูงกว่า 1,300 จุดจะยังคงมีอยู่ ซึ่งจะอยู่ที่ปัจจัยการเมืองภายในประเทศเป็นหลัก ว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงได้หรือไม่”

ส่วนของภาพรวมตลาดหุ้นไทยในไตรมาสที่ 1 จะเป็นไปในลักษณะแกว่งตัวผันผวน ดัชนี SET INDEX ปรับตัวร่วงลงต่ำกว่า 1,250 จุด หรือ 1,280 จุดลงไป จะเห็นได้ว่าแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศไม่ได้น่าวิตกกังวล ซึ่งหากพิจารณาเทียบมูลค่าราคาสินทรัพย์กับมูลค่าหุ้นที่ปรับตัวลดลง ถือว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้เตรียมลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ลง ซึ่งคาดว่าจะไม่ปรับลดลง หรือยกเลิกในทันที แต่จะค่อยๆ ทยอยปรับลดลง แต่ประเด็นที่สำคัญที่จะสะท้อนเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะอยู่ที่การฟื้นตัวของบริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศผลการดำเนินงานออกมาว่าดีกว่า หรือแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้  ซึ่งถ้าหากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ออกมาดี การลดมาตรการ QE ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเท่าไหร่

อย่างไรก็ดี ในส่วนของเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยขณะนี้ คาดว่าจะยังคงชะลอออกไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน จากการตั้งข้อสังเกตแรงขายของนักลงทุนต่างชาติขณะนี้เริ่มหมดลงแล้ว และจะหันไปลงทุนยังตลาดหุ้นเอเชีย คือ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย แทน ซึ่งถ้าหากรัฐบาลขาดเสถียรภาพ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจนานมากขึ้นเท่าไหร่แนวโน้มความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้น และถ้าหากหลังเลือกตั้งสามารถหาข้อยุติได้อย่างสมบูรณ์ คาดว่านักลงทุนต่างชาติจะยังคงให้ความสนใจในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากหากเทียบความน่าสนใจระหว่าง ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย แล้ว ราคาหุ้นไทยยังถูกกว่ามาก

สำหรับกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติ 4 : 3 ในการคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.25% ซึ่งในภาพรวมของ GDP มีสัญญาณที่จะชะลอตัว โดยนัยสำคัญที่จะสะท้อนถึงปัญหาการเมืองซึ่งหากยิ่งนานจะส่งผลต่อความเสี่ยงของตลาดหุ้นไทย

“ก่อนที่จะมีการประท้วง SET INDEX อยู่ที่ประมาณ 1,440-1,450 จุด ตอนนี้ลงมาอยู่ที่ประมาณ 1,300 จุดขณะนี้ ถือว่ามีส่วนลดโดยเฉลี่ยมากถึง 10%  ซึ่งถ้าหากนักลงทุนพิจารณาส่วนลดที่มีตรงนี้ ถือได้ว่าเป็นการชดเชยความเสี่ยงจากปัจจัยการเมืองกับนักลงทุนที่จะเข้าซื้อไปเรียบร้อยแล้ว หากปัญหาการเมืองคลี่คลายลงอาจได้เห็นที่ประมาณ 1,400 จุด  แต่ถ้าหากปัญหาการเมืองยังไม่สามารถคลี่คลายได้จะแนวต้านที่ 1,350 จุด เป็นนัยสำคัญ”
กำลังโหลดความคิดเห็น