xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็นพาร์ค” ไม่หวั่นการเมืองร้อนแรง ลุย 6 โครงการ มูลค่ากว่าหมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เอ็นพาร์ค” ไม่หวั่นการเมืองร้อนแรง เดินแผนลงทุนปี 57 ต่อเนื่อง 6 โครงการ มูลค่ากว่าหมื่นล้าน เผยเตรียมเม็ดเงินลงทุน 3,000 ล้านบาท ล่าสุด ปักธงชายแดนไทย-กัมพูชา ผุดคอนโดฯ “พาร์ค อรัญ” เจาะกำลังซื้อย่านชายแดน เผยต่อสัญญาสัมปทานกับกรมธนารักษ์ โครงการ “ร้อยชักสาม” มาเป็น 30 ปี

นายนคร ลักษณกาญจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นพาร์ค เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้สถานการณ์การเมืองจะยังไม่ชัดเจน และต้องจับตาอย่างใกล้ชิด แต่ในเบื้องต้นประเมินว่าจะไม่มีผลกระทบต่อแผนลงทุนวางไว้  เพราะการลงทุนส่วนใหญ่เป็นตลาดต่างจังหวัด และเป็นโครงการที่เจาะเฉพาะกลุ่มที่มีความต้องการชัดเจน  โดยในปี 2557 บริษัทเตรียมเงินลงทุนไว้ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 5-6 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนเดิมที่วางไว้               

สำหรับโครงการใหม่ที่จะลงทุนในปีนี้ ประกอบด้วย 1.บ้านเดี่ยวหรู ย่านสุขุมวิท 77 จำนวน 200 ยูนิต บนพื้นที่ 20 ไร่ ราคาขายเริ่มต้น 30 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวกลางปี ส่วนโครงการ 2.โครงการคอนโดมิเนียมย่านรัชดาภิเษก ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสุทธิสาร จำนวนกว่า 300 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท  

3. โครงการที่เชียงใหม่ 2 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียมหรู ราคาขายกว่า 10 ล้านบาท จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 700 ล้านบาท และโรงแรม 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท 4.โครงการพัฒนาโรงแรมที่ภาคใต้ 1 โครงการ
พื้นที่ราชพัสดุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารโรงภาษีร้อยชักสาม
เปิดกว้างพันธมิตรร่วมทุนสร้างโครงการ

สำหรับรูปแบบการลงทุนจะเปิดกว้างสำหรับพันธมิตรรายใหม่ๆ เพื่อเข้าร่วมทุน เพื่อกระจายความเสี่ยง และเสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน ซึ่งแต่ละโครงการอาจมีพันธมิตรคนละกลุ่มกัน โดยโครงการที่จะร่วมทุนในปีนี้มีอย่างน้อย 3 โครงการ เช่น คอนโดมิเนียมที่เชียงใหม่ คอนโดมิเนียมย่านรัชดาภิเษก และโรงแรมที่ภาคใต้

ขณะที่โครงการที่ดินเปล่าพร้อมขายย่านบางกระเจ้า ก็อยู่ระหว่างออกแบบ บนที่ดินกว่า 200 ไร่ ซึ่งจะพัฒนาเป็นบ้านหรูระดับลักชัวรี แปลงละ 2 ไร่ขึ้นไป มูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะมีความคืบหน้าที่ชัดเจน

ต่อสัญญาสัมปทาน “ร้อยชักสาม”

ส่วนความคืบหน้าโครงการที่ดินบริเวณร้อยชักสาม ย่านสี่พระยา ซึ่งเป็นที่ดินริมน้ำเช่นกัน ที่หยุดการพัฒนาไปกว่า 7 ปี เนื่องจากมีปัญหาเข้าพื้นที่ไม่ได้ ในเบื้องต้นได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้ว แต่ต้องรอเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ (ครม.) จึงต้องรอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก่อน

“ล่าสุด ได้ข้อตกลงกับ กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง แล้วว่าจะทำการต่อเวลาสัญญาสัมปทานต่อที่ประมูลได้กลับมาเป็น 30 ปี เพื่อชดเชยเวลาที่บริษัทสูญเสียไป นอกจากนี้ยังได้ขอเปลี่ยนรูปแบบของอาคารใหม่ หากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ร่วมทุน ส่วนอาคารอนุรักษ์จะยังคงไว้ตามเดิม แต่ทั้งนี้ บริษัทจะต้องสร้างอาคารชดเชยแก่ผู้เช่าเดิม รวมถึงจ่ายค่าเช่าที่ค้างจ่าย โดยเม็ดเงินลงทุนในส่วนของโรงแรมประมาณ 800 ล้านบาท และเม็ดเงินสำหรับปรับปรุงอาคารอนุรักษ์อีกประมาณ 200 -300 ล้านบาท"

อสังหาฯ ชายแดนอรัญฯ คึกรับการค้าโต

นายนคร กล่าวถึงการสำรวจพื้นที่บริเวณเขตการค้าตามแนวชายแดนของไทย พบว่า มีเงินหมุนเวียนนับแสนล้านบาท โดยเฉพาะบริเวณ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งติดกับฝั่ง ต.ปอยเปต อ.อูร์ชเรา จ.บันเตียเมียนเจย ของประเทศกัมพูชา ที่มีตลาดมิตรภาพชายแดนไทย-กัมพูชา หรือที่รู้จักในนาม “ตลาดโรงเกลือ” ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เขตการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ มีนักลงทุน นักธุรกิจทั้งจากประเทศจีน เวียดนาม กัมพูชา เดินทางมาค้าขายจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างไทย ไปยังกัมพูชา เวียดนาม และจีนอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังพบว่าตลาดโรงเกลือเป็นอีกหนึ่งทำเลค้าขายชายแดนที่น่าจับตามอง เพราะมีปัจจัยจากกาสิโนหลายแห่งในฝั่งกัมพูชาทำให้การค้าฝั่งไทยคึกคักมากขึ้น รวมถึงมีแนวโน้มว่าจะทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่นี้มากขึ้นเช่นกัน โดยจุดการค้าผ่านแดนทั้งหมดนี้มีจุดการค้าที่สำคัญ คือ ตลาดโรงเกลือ ที่ตั้งอยู่ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีมูลค่าการค้าสูงที่สุดในบรรดาจุดการค้าชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา

ตัวเลขการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างมกราคม-ตุลาคม 2556 มีมูลค่ารวม 112,353 ล้านบาท ซึ่งมีการขยายตัวจากปี 2555 ประมาณ 8.6% ส่วนบริเวณด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ระหว่าง ม.ค.-ต.ค.56 มีมูลค่ารวม 47,596.33 ล้านบาท มีมูลค่าการค้าสูงที่สุด สำหรับจุดการค้าชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาทั้งหมด

จากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศที่ระบุว่า ปีนี้การค้าชายแดนจะมีการขยายอย่างมากตามการขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะผลักดันให้มูลค่าการค้าชายแดนไทยเติบโตได้มากขึ้น 16% หรือมูลค่าประมาณ 1.05 ล้านล้านบาท จากปี 2556 ที่มีมูลค่าการค้าชายแดน 9.46 แสนล้านบาท

ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทตัดสินใจลงทุนเปิดโครงการใหม่ภายใต้ชื่อ “พาร์ค อรัญ” ติดตลาดโรงเกลือ บนเนื้อที่ 80 ไร่ มูลค่าโครงการเกือบ 3,000 ล้านบาท พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม 2,000 ยูนิต อาคารพาณิชย์ 200-300 ยูนิต แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 เฟส เฟสแรกมูลค่า 800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น พาร์ค อรัญ คอนโดมิเนียม จำนวน 514 ยูนิต มูลค่า 550 ล้านบาท เป็นอาคาร 8 ชั้น 2 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 6-0.50 ไร่ โดยเป็นห้องขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำทุกยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 29-30 ตร.ม.

และพาร์ค อรัญ บูเลอวาร์ด มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น จำนวน 300 ยูนิต หลังจากที่มีผู้นำที่ดินติดกับตลาดโรงเกลือขนาด 80 ไร่ มาเสนอขายให้ในราคาไร่ละประมาณ 5-6 ล้านบาท โดยใช้ระยะเวลาในการศึกษาตลาดเพียง 2-3 เดือนเท่านั้นก่อนเปิดขายโครงการ

“พบว่าในย่านชานแดนไทย-กัมพูชา มีบ่อนกาสิโนหลายแห่ง มีคนทำงานทั้งชาวกัมพูชา ไทย จีน และฟิลิปปินส์นับหมื่นคน และจากข้อมูลของสถาบันการเงินใน อ.อรัญประเทศ ยังพบว่า แต่ละแห่งมีเงินฝากของชาวต่างชาติหลายพันล้านบาท ประกอบกับพบว่าในย่านดังกล่าวยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดเข้ามาลงทุนโครงการคอนโดฯ ที่ชาวต่างชาติสามารถซื้อเป็นของตนเองได้ เราจึงตัดสินใจเข้ามาลงทุนเป็นรายแรก” นายนครกล่าว

หลังจากเปิดตัวโครงการพาร์ค อรัญแล้ว ในเดือนกุมภาพันธุ์ มีแผนที่จะเข้าไปทำตลาดในเมืองศรีโสภณ และปอยเปต ซึ่งจากผลสำรวจพบว่าดีมานด์ใน 2 เมืองดังกล่าวยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองไทย และนิยมซื้อด้วยเงินสดเนื่องจากระบบสินเชื่อของกัมพูชายังไม่เป็นที่นิยม ทั้งนี้พบว่าผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่อรัญประเทศที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง มีชาวต่างชาติประมาณ 20%

“ที่ประหลาดใจมากที่สุดคือ กลุ่มข้าราชการทหาร ตำรวจ ในท้องถิ่นให้ความสนใจซื้อคอนโดฯ เพื่ออยู่อาศัยเองเป็นจำนวนมาก เพราะมองว่าโครงการมีระบบสาธารณูปโภคที่ดี มีความปลอดภัยสูง รวมไปถึงชาวกัมพูชาที่มองว่าสามารถซื้ออยู่อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้จริง และส่วนใหญ่จะซื้อเงินสด และรอโอนกรรมสิทธิ์ได้เลย ส่วนที่ซื้อเพื่อการลงทุนจะมีน้อยมาก โดยจากช่วงเปิดพรีเซลล์ในวันที่ 16-19 ม.ค.57 ที่ผ่านมา พบว่าคอนโดฯ ในเฟสแรก จำนวน 514 ยูนิต มียอดขายแล้วกว่า 40% ส่วนอาคารพาณิชย์เฟสแรก 62 ยูนิต สามารถปิดการขายได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง และมีลูกค้าลงชื่อจองล่วงหน้ากว่า300 ราย”
 
กำลังโหลดความคิดเห็น