บุรีรัมย์ - ชาวบ้านชายแดนไทย-กัมพูชา อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ระดมจ้างแรงงานเร่งเก็บกู้หัวมันสำปะหลังในไร่ตามตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชานำไปขาย ก่อนศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหารช่วงเย็นวันนี้ หวั่นเกิดเหตุสู้รบบานปลายจนไม่สามารถเข้าไปเก็บกู้ได้ ขณะบางส่วนเตรียมตัวเฝ้ารอชมถ่ายทอดการตัดสิน
วันนี้ (11 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก นัดอ่านคำพิพากษาตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ยังคงเป็นปกติไม่มีการตรึงกำลังแต่อย่างใด มีเพียงเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายความมั่นคงดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตามปกติ
ขณะที่ชาวบ้านบ้านโคกใหญ่โนนเจริญ ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด ที่เพาะปลูกพืชไร่ไว้ตามแนวชายแดนบริเวณบ้านสายโท 7 ใต้ ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด ซึ่งอยู่ห่างจากแนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชาเพียงประมาณ 4-5 กิโลเมตร ได้ระดมจ้างแรงงานและชาวบ้านในหมู่บ้านเกือบ 20 คนเร่งทำการเก็บกู้หัวมันสำปะหลังเพื่อนำไปขายตามลานต่างๆ ก่อนจะถึงช่วงเวลาที่ศาลโลกนัดอ่านคำพิพากษาในช่วงเย็นวันนี้ เพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นเช่นไร และเกรงจะเกิดสู้รบบานปลายจนไม่สามารถเข้าไปทำการเก็บกู้ผลผลิตได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในครอบครัว
นางวรรณี แก้วประโคน อายุ 39 ปี เจ้าของไร่ บอกว่า ตนปลูกมันสำปะหลังไว้บริเวณบ้านสายโท 7 ใต้จำนวน 10 ไร่ ปกติทุกปีจะทยอยเก็บกู้ แต่ครั้งนี้จ้างแรงงานและชาวบ้านในหมู่บ้านเกือบ 20 คนมาเร่งทำการเก็บกู้เพื่อให้เสร็จเร็วขึ้นเพราะเกรงจะเกิดเหตุการณ์สู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะไม่สามารถเข้ามาเก็บกู้ได้ จะทำให้กระทบต่อรายได้ที่นำไปเลี้ยงดูครอบครัว อย่างไรก็ตาม ก็ภาวนาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์สู้รบกันขึ้น เพราะจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและการทำมาหากินของชาวบ้านตามแนวชายแดน
ด้านนางจิตรา พลหมอ อายุ 41 ปี ชาวบ้านที่มารับจ้างเก็บกู้มัน ยอมรับว่า รู้สึกกลัวกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ไม่สามารถเลือกได้ เพราะหากไม่มารับจ้างก็จะไม่มีรายได้ไปเลี้ยงดูครอบครัวเพราะอาชีพหลักคือทำนา หลังเสร็จจากการทำนาก็จะออกทำงานรับจ้างทั่วไป จึงยอมเสี่ยงมารับจ้างเก็บกู้ผลผลิตตามแนวชายแดน แต่หากเป็นไปได้ตนไม่อยากให้ทั้งสองประเทศต้องสู้รบกันเพราะที่ผ่านมาเคยไปมาหาสู่และมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงอยากให้ผลการตัดสินออกมาเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด