xs
xsm
sm
md
lg

ชาวไทย-เขมรแห่ซื้อสินค้าช่องสายตะกูบุรีรัมย์ กักตุนก่อนตัดสินคดีพระวิหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประชาชนชายแดนทั้งไทยและกัมพูชา แห่ซื้อสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค ที่จุดผ่อนปรนการค้าชายแดน ช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ คึกคัก เพื่อกักตุนก่อนศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร วันนี้ ( 9 พ.ย.)
บุรีรัมย์ - ประชาชนชายแดนทั้งไทย และกัมพูชาแห่ซื้อสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค จุดผ่อนปรนการค้าชายแดน “ช่องสายตะกู” อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์คึกคัก เพื่อกักตุนไว้ก่อนถึงวันศาลโลกนัดพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร 11 พ.ย.นี้ ท่ามกลาง จนท.ดูแลเข้มงวด ขณะแม่ค้าภาวนาไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง หวั่นถูกปิดด่าน

วันนี้ (9 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนชั่วคราวไทย-กัมพูชา บริเวณช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ที่เปิดให้ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าสัปดาห์ละ 2 วัน คือ วันศุกร์ และเสาร์ เวลา 09.00-14.00 น. ได้มีประชาชนทั้งฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนแห่มาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค และสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นอย่างคึกคัก เพื่อกักตุนไว้ใช้ และบริโภคในครัวเรือน เนื่องจากใกล้วันที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลกจะตัดสินคดีพื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 11 พ.ย. นี้

ส่งผลให้พ่อค้าของทั้ง 2 ฝั่งขายดีเป็นพิเศษ จนสินค้าบางชนิด เช่น พืชผัก อาหารแห้ง และเครื่องดื่มมีไม่พอขาย ซึ่งจากการประเมินคาดว่าสัปดาห์นี้มียอดซื้อขายสินค้าที่ช่องสายตะกูดังกล่าวมากกว่าทุกสัปดาห์ที่ผ่านมาประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์

ขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหารพราน และ อส. ในพื้นที่ อ.บ้านกรวด ได้ร่วมกับทหาร และเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของฝั่งกัมพูชา ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด พร้อมตรวจตราสัมภาระสิ่งของ และผู้ที่ผ่านเข้า-ออก อย่างเข้มงวดด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ทางทหารพรานที่ 26 ยังได้นำสุนัขดมกลิ่นมาตรวจหายาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายกับประชาชนที่ผ่านเข้า-ออก ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อป้องกันการลักลอบนำยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายเล็ดลอดผ่านเข้ามาประเทศไทย บริเวณช่องสายตะกูดังกล่าวอย่างเข้มข้น แต่ยังไม่พบความปกติแต่อย่างใด

ด้าน นางกาญจนา แรงสุข อายุ 20 ปี และนางคำทาน เสาเปีย แม่ค้าขายอาหาร และสิ่งของเครื่องใช้ที่บริเวณด่านการค้าช่องสายตะกูดังกล่าว บอกตรงกันว่า ไม่อยากให้ศาลโลกตัดสินให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้ หรือชนะ และหากเป็นไปได้อยากให้ผลการตัดสินออกมาแบบเป็นกลาง โดยให้ทั้ง 2 ฝ่ายดูแลปราสาทพระวิหารร่วมกัน เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์สู้รบจนนำไปสู่การสูญเสียเลือดเนื้อ

อย่างเช่นปี 2553 ที่ผ่านมา เพราะทั้ง 2 ประเทศเปรียบเสมือนบ้านพี่เมืองน้องที่ไปมาหาสู่ และมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาโดยตลอด ทั้งเกรงกว่าหากเกิดการสู้รบรุนแรงบานปลาย จะถูกปิดด่านทำให้ไม่สามารถมาค้าขายสินค้าได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้ขาดรายได้กับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า อีกทั้งยังจะกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนตามแนวชายแดนด้วย







กำลังโหลดความคิดเห็น