xs
xsm
sm
md
lg

ครู-นร.ชายแดนบุรีรัมย์ซ้อมวิ่งเข้าหลุมหลบภัย ผวาสู้รบเขมรซ้ำรอยปี 54

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ครู นักเรียน ร.ร.โคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์  ซ้อมวิ่งเข้าหลุมหลบภัย ภายในโรงเรียน เตรียมรับสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา จากกรณีศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร วันนี้ ( 5 พ.ย.)
บุรีรัมย์ - ใกล้วันศาลโลกพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร 11 พ.ย. ครูโรงเรียนบ้านโคกกะชาย อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ผวาเหตุสู้รบซ้ำรอยปี 54 ที่ถูก BM-21 ถล่มกว่า 40 ลูก นำนักเรียนซ้อมเข้าหลุมหลบภัย เหตุไม่มั่นใจสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมร้องขอสร้างหลุมหลบภัยได้มาตรฐานเพิ่ม ขณะ อบต.เตรียมซักซ้อมเส้นทางอพยพ

วันนี้ (5 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิทยา รัตนกาญจน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พร้อมคณะครู ได้นำนักเรียนซักซ้อมวิ่งลงหลุมหลบภัยที่มีอยู่ภายในโรงเรียน พร้อมแนะนำวิธีการหลบภัยอย่างปลอดภัย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องจากไม่มั่นใจในสถานการณ์ หลังใกล้จะถึงวันที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ได้นัดพิพากษาคดีกรณีปราสาทพระวิหารในวันที่ 11 พ.ย.นี้

ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นโรงเรียนเสี่ยงภัยที่ตั้งอยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่เคยได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะระหว่างทหารไทย กับฝ่ายกัมพูชา เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 ที่ได้มีลูกระสุนปืนใหญ่ ลูกจรวด BM-21 ฝ่ายทหารกัมพูชา เข้ามาตกในหมู่บ้าน วัด และโรงเรียนกว่า 40 ลูก และแรงอัดจากกระสุนปืนใหญ่ทำให้กระจกโรงเรียนแตกเสียหาย อีกทั้งยังมีบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ตำบลสายตะกูถูกระเบิดตกใส่เสียหาย 6 หลัง มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ส่งผลให้ทั้งครู ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียน ยังเกิดความหวาดผวาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น และเกรงจะเกิดการสู้รบซ้ำรอยขึ้นอีก จึงได้มีการซักซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อมไว้

ขณะที่ภายในโรงเรียนบ้านโคกกระชายมีหลุมหลบภัยอยู่เพียง 6 หลุม และมีสภาพทรุดโทรมยังไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร ทั้งไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียนที่มีอยู่มากกว่า 220 คน จึงร้องขอให้ทางภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการซ่อมแซมและก่อสร้างหลุมหลบภัยภายในโรงเรียนให้ได้มาตรฐานและเพียงพอต่อจำนวนนักเรียนด้วย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์สู้รบ

นายพิทยา รัตนกาญจน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกกะชาย กล่าวยอมรับว่า ทั้งครู ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียน ยังมีความหวาดผวากับเหตุการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2554 และยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ เพราะขณะนี้ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ อีกทั้งโรงเรียนตั้งอยู่ห่างจากชายแดนไม่ถึง 10 กิโลเมตร และอยู่ในวิถีกระสุนหากมีการปะทะเกิดขึ้น ประกอบกับหลุมหลบภัยที่มีอยู่ภายในโรงเรียนจำนวน 6 หลุมมีสภาพเก่า ชำรุด ไม่ได้มาตรฐาน จึงอยากเรียกร้องให้ทางจังหวัด อำเภอ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการก่อสร้างหลุมหลบภัยที่ได้มาตรฐานและให้เพียงพอต่อจำนวนนักเรียน เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน

ขณะที่ นายธเรศ ศรีประดู่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สายตะกู กล่าวว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ทาง อบต.ได้ประสานกับหน่วยงานด้านความมั่นคง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมผู้นำหมู่บ้าน เตรียมซักซ้อมเส้นทางการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อให้เกิดความพร้อมและสามารถอพยพประชาชนได้อย่างเป็นระบบหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมกันนี้ยังจะได้ปรับปรุงเส้นทางที่ชำรุด เพื่อให้สามารถอพยพได้อย่างสะดวกและทันท่วงทีอีกด้วย





กำลังโหลดความคิดเห็น