ศรีสะเกษ - รมว.มหาดไทยเยี่ยมปลอบขวัญชาวบ้านภูมิซรอล เผย รัฐบาลไทย-กัมพูชาเตรียมเจรจาแก้ไขปัญหาเขาพระวิหารและเตรียมเปิดปราสาทพระวิหารเพื่อให้ประชาชนทั้งสองชาติได้รับประโยชน์ ขณะที่ชาวบ้านภูมิซรอลเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเร่งสร้างสันติสุขตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (15 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุม ร.ร.ภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางมามอบนโยบายในการปฏิบัติราชการแก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ พร้อมทั้งได้พบปะเยี่ยมเยียนชาวบ้านภูมิซรอลเพื่อเป็นการปลอบขวัญชาวบ้านภูมิซรอล หลังจากการอ่านคำพิพากษาของศาลโลกได้ผ่านพ้นไปแล้วตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. 56 ที่ผ่านมา
ในโอกาสนี้ รมว.มหาดไทย และคณะ ได้มอบผ้าห่มจำนวน 500 ผืนแก่ชาวบ้านภูมิซรอลทุกคน โดยมี นายประทีป กีรติเรขา ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ นายธีรวุฒิ พุทธการี ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 และนายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ ได้นำพ่อค้า ประชาชน มาให้การต้อนรับ
นางสัมฤทธิ์ แก้วสง่า อายุ 46 ปี ชาวบ้านภูมิซรอลที่ถูกจรวดบีเอ็ม 21 ของฝ่ายกัมพูชา ไฟไหม้บ้านทั้งหลัง กล่าวว่า ตนและครอบครัว ญาติพี่น้อง มีความหวาดกลัวภัยสงครามมาก เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อปี 2554 ทหารไทยปะทะกับทหารกัมพูชา ทำให้บ้านเรือนของตนถูกไฟไหม้ทั้งหลัง และในช่วงการอ่านคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 56 พวกตนหวาดผวาภัยสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และบางส่วนได้พากันอพยพไปอยู่ที่ อ.กันทรลักษ์เพื่อความปลอดภัย ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยได้เร่งเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเขาพระวิหาร และร่วมกันสร้างสันติสุขที่บริเวณเขาพระวิหาร และตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างเร่งด่วนด้วย
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวบ้านภูมิซรอล ซึ่งอยู่ติดกับปราสาทพระวิหารเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้ตนและคณะลงมาเยี่ยมเยียน เพื่อรับทราบปัญหาและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร
ทั้งนี้ รมว.มหาดไทยได้ชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจว่า ผลการพิพากษาของศาลโลกไทยไม่ได้เสียดินแดนบริเวณเขาพระวิหารแต่อย่างใด ซึ่งในห้วงที่มีการอ่านคำพิพากษาของศาลโลกนั้น รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาก็ได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์เพื่อประสานสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน และหลังจากที่ศาลโลกมีคำพิพากษาออกมาแล้ว รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาจะได้ร่วมกันเจรจาแก้ไขปัญหาบริเวณปราสาทพระวิหาร โดยจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาในเรื่องนี้โดยด่วน
รมว.มหาดไทยกล่าวต่อไปว่า ในระหว่างที่จะมีการเจรจาแก้ไขปัญหาบริเวณเขาพระวิหารนี้ รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาก็จะได้ร่วมกันพิจารณาเปิดปราสาทพระวิหารให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมได้ เพื่อจะได้เป็นการส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวให้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่ายระหว่างไทยกับกัมพูชา อีกทั้งขณะนี้ทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชากำลังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวข้าวที่กำลังสุก ประชาชนทั้งสองประเทศจะได้ไม่ต้องมีความกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อีกต่อไป
ตนขอยืนยันกับประชาชนชาวไทยที่อยู่ใกล้กับปราสาทพระวิหารและที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายในการที่จะส่งเสริมสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่มีแนวความคิดที่จะก่อสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งจะทำการเปิดจุดผ่านแดนต่างๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวให้ประชาชนชาวไทยกับประเทศเพื่อนบ้านได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
ขณะเดียวกัน ตนขอฝากเตือนประชาชนว่าอย่าไปหลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่พยายามยุแหย่เพื่อให้เกิดความวุ่นวายภายในประเทศ โดยยกเอาประเด็นปราสาทพระวิหารมาสร้างความเข้าใจผิดให้แก่ประชาชน เนื่องจากว่าผลการพิพากษาของศาลโลกในครั้งนี้เป็นผลดีต่อทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา อีกทั้งศาลโลกยังให้ทั้งสองประเทศร่วมกันดูแลรักษาปราสาทพระวิหารด้วยเพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
นอกจากนี้ ตนได้นำเอาแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรี กล่าวแถลงภายหลังการอ่านคำพิพากษาของศาลโลกกรณีปราสาทพระวิหาร ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันจันทร์ที่ 11 พ.ย. 56 เวลา 19.20 น. มาแจกจ่ายประชาชนให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และจะทำใบแถลงการณ์นี้แจกจ่ายประชาชนทั่วประเทศทุกคนได้รับทราบข้อเท็จจริงด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ต่อมาเวลา 11.00 น.วันเดียวกันนี้ รมว.มหาดไทย และคณะ ได้เดินทางไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจแก่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน รวมทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่บริเวณผามออีแดง โดยได้มอบอุปกรณ์กีฬา และเครื่องอุปโภค บริโภคแก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณผามออีแดง และรอบบริเวณเขาพระวิหาร
จากนั้น รมว.มหาดไทยได้เดินสำรวจบริเวณผามออีแดง และตรวจสภาพภูมิประเทศ รวมทั้งสถานการณ์ต่างๆ บริเวณรอบเขาพระวิหารในเขตแดนไทย ซึ่งสถานการณ์ยังคงปกติ ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาโปรยปรายตลอดเวลา