ศูนย์ข่าวศรีราชา - “นายชัยชนะ หมายงาน” หรือ “เสี่ยอ้วน” เจ้าของฉายา “เทพเจ้าสองแผ่นดิน” นักธุรกิจที่ทำธุรกิจทำการค้าอยู่ที่ตลาดโรงเกลือ ชายแดนไทย-กัมพูชา หายตัวไปอย่างลึกลับ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังขาของลูก เมีย และคนใกล้ชิด ที่เกรงว่าจะโดน “อุ้ม” เหมือนใครอีกหลายคน เพราะเขามีเรื่องร้องเรียนการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐมากมาย และเกี่ยวพันกับเรื่องธุรกิจที่ดิน
นายชัยชนะ หมายงาน หรือ “เสี่ยอ้วน” เป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ทำธุรกิจมากมาย ทั้งนำเข้าเสื้อผ้ามือสอง ร้านอาหาร และกิจการห้างผ้าทรัพย์สกุล และธุรกิจขายที่ดินบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนได้ฉายา “เทพเจ้าสองแผ่นดิน” หรือ “เสี่ยอ้วนตลาดโรงเกลือ” ที่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดโรงเกลือรู้จัก และทุกคนรู้สึกตกใจเมื่อรู้ว่า เสี่ยอ้วน หายตัวไปอย่างลึกลับ
หลังมั่นใจว่า เสี่ยอ้วน หายตัวไป นางปางมุ้ย หมายงาน พร้อมนายสุชาติ หมายงาน และนายสมพร หมายงาน ลูกชายของเสี่ยอ้วน ได้เข้าแจ้งความต่อ สภ.อรัญประเทศ ให้ช่วยติดตาม โดยบอกว่า พบพิรุธหลังสามีโทรศัพท์พูดคุยกับใครไม่รู้ และขับรถยนต์รถปิกอัพนิสสันนาวาร่า สีขาว ทะเบียน กค 717 สระแก้ว พร้อมเงินสด 1 แสนบาท ออกจากบ้านพักเลขที่ 167 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อตอนเช้ามืดวันที่ 1 กรกฎาคม 2556
ขณะที่การติดตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาพจากกล้องวงจรปิด พบมีรถกระบะต้องสงสัย 2 คัน ขับตามประกบรถ นายชัยชนะ มุ่งหน้าเข้าตัวอำเภออรัญประเทศ โดยเชื่อถูกอุ้มตัวไปอย่างแน่นอน ซึ่ง พล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค เผยว่า หลังดูภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณ 3 แยกตลาดโรงเกลือ พบว่า เมื่อเวลา 05.25น. เสี่ยอ้วน ขับรถกระบะออกมาโดยมีรถต้องสงสัย คือ โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และรถกระบะอีกคันขับตามประกบออกมา จึงมั่นใจว่า นายชัยชนะ น่าจะถูกอุ้มจับตัวไปแน่นอน แต่ไม่น่าถูกอุ้มข้ามฝั่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยจากเบาะแสในภาพกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นรถ 2 คัน ที่ตามประกบมุ่งหน้าเข้าไปยังตัว อ.อรัญประเทศ ไม่ได้วิ่งผ่านจุดข้ามแดน
ขณะนี้ตำรวจได้กระจายกำลังลงพื้นที่หาเบาะแส รวมทั้งเรียกคนในครอบครัว รวมทั้งบุคคลที่เคยมีความขัดแย้งกับ นายชัยชนะ มาสอบสวน
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักการหายตัวไปในครั้งนี้ของเสี่ยอ้วน คือ กรณีข้อพิพาทฟ้องร้องกับหน่วยงานในพื้นที่ และส่วนราชการที่ดูแลตลาดโรงเกลือหลายคดี เนื่องจากเสี่ยอ้วน เป็นคนตรงไปตรงมา และไม่ชอบการกระทำที่ไม่โปร่งใส และตรวจสอบไม่ได้ของทุกหน่วยงานราชการ ไม่ว่าฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการการเมือง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการทุจริตต่างๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากเสี่ยอ้วน สงสัยในเรื่องใดๆ จะทำเรื่องร้องเรียนทันที ที่ผ่านมา มีรวมกว่า 30 คดี เฉพาะที่กองปราบฯ เสี่ยอ้วน ยังมีเรื่องร้องเรียนมากถึง 5 คดี
ส่วนความขัดแย้งเรื่องซื้อขายที่ดินบริเวณหลัก กม.ที่ 5 ต.ป่าไร่ ชายแดน อ.อรัญประเทศ ที่มีการซื้อขายกับนายทุนกาสิโนฝั่งปอยเปตนั้น ที่ดินผืนดังกล่าวมีการตกลงซื้อขาย และมีการจ่ายเงินกันมาบางส่วนแล้วประมาณ 20 ล้านบาท แต่เมื่อมีโครงการของรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการลอจิสติกส์ ทำให้ราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้นเป็นไร่ละ 4-5 ล้านบาท จนที่ดินผืนดังกล่าวมีราคากว่า 100 ล้านบาท และมีกระแสข่าวว่า จะมีการผลักดันให้เป็นจุดผ่อนปรนแห่งใหม่ของจังหวัด ก็เลยไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วการหายตัวไปเกิดจากเรื่องใดกันแน่
สำหรับ นายชัยชนะ หรือเสี่ยอ้วน ปัจจุบัน อายุ 67 ปี ถือเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวย และเป็นที่รู้จักในแวดวงการค้าชายแดน เป็นเจ้าของบริษัท ส่งเสริมสองแผ่นดิน จำกัด ประกอบกิจการมากมายในตลาดโรงเกลือ ทั้งนำเข้าเสื้อผ้ามือสอง ร้านอาหาร และกิจการห้างผ้าทรัพย์สกุล และธุรกิจซื้อขายที่ดิน บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนได้ฉายา “เทพเจ้าสองแผ่นดิน” หรือ “เสี่ยอ้วนตลาดโรงเกลือ” เพราะทำธุรกิจข้ามไปมาระหว่างฝั่งไทย และกัมพูชา
แม้เขาจะเป็นคนทำธุรกิจที่มีชื่อเสียง แต่ไม่ใช่คนที่มีอิทธิพล หรือเป็นผู้มีอิทธิพลในอำเภออรัญประเทศ นอกจากนั้น เวลาเดินทางไปไหนจะไปด้วยตัวเอง ขับรถเอง ไม่มีลูกน้องติดตามล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนผู้กว้างขวางคนอื่นๆ
กว่าจะร่ำรวยมีหน้ามีตาอย่างทุกวันนี้ เดิม “เสี่ยอ้วน” มีอาชีพ เป็นพ่อค้าขายพริก น้ำปลา โดยใช้รถนิสสันกระบะ สีแดง ขับไปขายตามชายแดนไทย-กัมพูชา มีภรรยาคนแรกเป็นคนไทย และมีลูกด้วยกัน ช่วงที่ค้าขายอยู่นั้นไปพบหญิงหม้ายชาวกัมพูชา ซึ่งมีฐานะร่ำรวย จึงได้เลิกกับภรรยาชาวไทย และไปอยู่กินกับภรรยาคนใหม่ซึ่งเป็นชาวกัมพูชา
เมื่ออยู่กับภรรยาชาวกัมพูชา ก็ร่วมทำธุรกิจด้วยกัน แต่ภรรยาชาวกัมพูชาไม่ค่อยรู้เรื่องด้านการเงิน การธนาคาร ทำให้นายชัยชนะ เข้ามาควบคุมดูแลด้านการเงินทั้งหมด จึงทำให้มีฐานะร่ำรวยขึ้น และด้วยความที่เป็นคนเจ้าชู้ ไม่เว้นแม้แต่ลูกน้องที่เป็นหญิงสาวของตนเอง ทำให้เขามีภรรยาหลายคน แม้จะไม่ได้ออกหน้าออกตา แต่เสี่ยอ้วน ไม่ได้ทอดทิ้ง ให้เงินจุนเจือตลอด ปัจจุบันเสี่ยอ้วน มีภรรยาถึง 8 คน ลูกอีก 11 คน และมีลูกติดภรรยา อีก 3 คน รวมเป็น 14 คน
และ “เสี่ยอ้วน” คนเดียวกันนี้ ยังเคยเป็นผู้นำทางให้ นายวีระ สมความคิด และคณะ เดินทางไปสำรวจเขตแดนไทย-กัมพูชา จนทางฝ่ายกัมพูชาจับตัวคณะของคนไทยไปอีกด้วย
การหายตัวไปอย่างลึกลับของ “เสี่ยอ้วน” วันนี้ยังเป็นปริศนา แต่เชื่อว่า ไม่เกินความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบข้อมูลทุกจุด เพื่อติดตามตัวเขาให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป