สระแก้ว - ภรรยาเสี่ยอ้วน พึ่งกงสุลใหญ่กัมพูชา ประจำจังหวัดสระแก้ว ช่วยตามหาสามีในฝั่งกัมพูชา หวั่นถูกอุ้มข้ามเขตแดนคาดว่าเกิดจากขัดผลประโยชน์การค้าที่ดิน มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
วันนี้ (4 ก.ค.) จากเหตุนายชัยชนะ หมายงาน หรือเสี่ยอ้วน เศรษฐีตลาดโรงเกลือ ที่ถูกคนร้ายอุ้มหายไปเมื่อเช้ามืดของวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า สีขาว ทะเบียน กค 717 สระแก้ว โดย พล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รอง ผบช.ภ. 2 พ.ต.อ.ไพบูลย์ วังฑะพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พ.ต.อ.สมชาย อยู่สวัสดิ์ ผกก.สภ.คลองลึก ตั้งชุดสืบสวนเฉพาะกิจ ปูพรมตามหาตัว นายชัยชนะ และส่งทีมออกล่าตัวคนร้าย ซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 5 คน ที่มาดักอุ้ม ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่พบตัวเสี่ยอ้วนแต่อย่างใด
พล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รอง ผบช.ภ. 2 กล่าวว่า คดีนี้ชาวสระแก้วให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยติดตามความเคลื่อนไหวการล่าตัวคนร้ายทางสื่อสารมวลชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตำรวจได้เร่งติดตามคดีอย่างใกล้ชิด ขณะนี้พอรู้เบาะแสกลุ่มคนร้ายที่อุ้มนายชัยชนะ บ้างแล้ว คาดว่าอีก 2 วันจะมีข่าวดี
ด้านนางปางมุ้ย หมายงาน ภรรยา เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ นายเนตร เสรี กงสุลใหญ่กัมพูชา ประจำ จ.สระแก้ว ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่เขตเทศบาลเมืองอรัญประเทศ ห่างจากตลาดโรงเกลือประมาณ 1 กิโลเมตร โดยร้องขอให้ทางกงสุลใหญ่ช่วยตามหาตัวสามีในฝั่งกัมพูชา เพราะเกรงว่าคนร้ายอาจจะอุ้มตัวข้ามไปฆ่าทิ้งที่ฝั่งกัมพูชาก็ได้ เนื่องจากที่ผ่านมา เสี่ยอ้วน เคยทำธุรกิจค้าขายหลายอย่างในฝั่งกัมพูชา และก่อนที่เสียอ้วนหายตัวไป ได้มีการพูดโทรศัพท์เกี่ยวข้อพิพาทที่ดินที่กิโล 5 ป่าไร่ อาจจะมีปัญหากับนักธุรกิจในกัมพูชาบางราย จนส่งผลให้มีการอุ้มตัวไปเรียกร้องสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรืออาจจะอุ้มไปฆ่าทิ้งก็เป็นได้
หลังรับเรื่อง นายเนตร ได้รายงานไปยังกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ณ กรุงพนมเปญ ซึ่งทางกระทรวงได้สั่งการให้ทหารกัมพูชา ตำรวจ และสารวัตรทหารกัมพูชา ที่ประจำอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่งอยู่ติดกับ จ.สระแก้ว ให้ปูพรมค้นตัวเสี่ยอ้วนและรถกระบะคันแล้ว
น.ส.ทรัพย์สกุล หมายงาน ลูกสาวกล่าวว่า ตั้งแต่พ่อถูกอุ้มตัวไปจนถึงวันที่ 4 ก.ค. รวม 4 วันแล้ว ยังไม่สามารถติดต่อกับพ่อได้เลย รู้สึกเป็นห่วงพ่อมาก เพราะที่ผ่านมาพ่อไม่เคยออกจากบ้านไปนานขนาดนี้ แต่พวกตนก็ยังมั่นใจว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่
ล่าสุด เช้าวันนี้มีโทรศัพท์ลึกลับจากการตรวจอบพบว่า มาจากตู้สาธารณะ บอกว่าพบรถยนต์ของพ่อแล้วที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ให้ตนกับมารดาเดินทางไปดูรถ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องผิดปกติ จึงไม่ได้ตามไป เพราะคิดว่าอาจจะเป็นกลลวงของคนร้าย อีกทั้งตั้งแต่พ่อถูกอุ้มไป พวกตนก็อยู่กันอย่างหวาดระแวง เพราะบ้านที่อาศัยอยู่เป็นร้านอาหาร อยู่ในชุมชนแออัดของตลาดโรงเกลือ มีผู้คนจำนวนมากเดินผ่านเข้าออก จึงไม่อยากออกจากบ้าน เกรงว่ากลัวจะไม่ปลอดภัย
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการในตลาดโรงเกลือ กล่าวว่า โดยพื้นฐานแล้ว นายชัยชนะ เป็นคนที่เงียบๆ แต่มีภรรยาหลายคน เนื่องจากมีเงิน และภรรยาส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา ประกอบกิจการหลายอย่าง มีบริษัท ส่งเสริม 2 แผ่นดิน จำกัด ซึ่งอาจเป็นจุดเกิดข้อพิพาทกับกลุ่มคนมีสี แต่ที่เด่นชัด คือ ทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน เสี่ยอ้วนจะรู้เรื่องที่ดินบริเวณชายแดนมากที่สุด และที่ผ่านมาได้เป็นหนึ่งที่พานายวีระ สมความคิด เข้าไปชี้แนวเขตไทย-กัมพูชา
นอกจากนี้ เสี่ยอ้วน ยังประกอบธุรกิจค้าขายเสื้อผ้าในตลาดโรงเกลือหลายแห่ง และยังประกอบธุรกิจโรงแรมในตลาดโรงเกลืออีกด้วย การหายตัวไปครั้งนี้ หลายคนจึงมองมองไม่ออกว่าจะมาเหตุใดกันแน่ เนื่องจากเสี่ยอ้วน ประกอบธุรกิจที่ขัดกับผลประโยชน์ของคนหลายกลุ่ม
ด้าน พ.ต.อ.สมชาย อยู่สวัสดิ์ ผผก.สภ.คลองลึก กล่าวว่า ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติม แต่ได้ไปตรวจกล้องวงจรปิด พบว่า นายชัยชนะ ขับรถออกไปจ่ายตลาดตามเวลาปกติ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปประเด็นได้ เนื่องจากนายชัยชนะ มีปัญหาหลายประเด็น
ด้านแหล่งข่าวในสภาหอการค้าจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ชื่อเสียงของเสี่ยอ้วนเป็นที่รู้จักในแวดวงการค้าย่านตลาดโรงเกลือ มากกว่าการมีบทบาทในองค์กรของจังหวัด ซึ่งที่ผ่านมา มีข่าวความขัดแย้งระหว่างเสี่ยอ้วน กับหลายบุคคล และที่ผ่านมา ก็เคยขอความช่วยเหลือจากหอการค้าในแง่ส่งเสริมการค้าบริเวณตลาดโรงเกลือ แต่เนื่องจากจุดประสงค์ยังไม่มีความชัดเจน ทำให้เรื่องดังกล่าวเงียบหายไป อย่างไรก็ตาม แม้เสี่ยอ้วน จะมีธุรกิจขายผ้าในตลาดโรงเกลือ แต่ระยะหลังเริ่มหันเข้าสู่ธุรกิจการค้าที่ดินมากขึ้น
ทั้งนี้ เสี่ยอ้วนค่อนข้างมีชื่อเสียงแถวตลาดโรงเกลือ แต่ที่ผ่านมาทราบว่าเป็นนักร้องเรียนคนหนึ่ง โดยเฉพาะการร้องเรียนหน่วยงานราชการ ทั้งทหาร และตำรวจ อย่างไรก็ตาม พอทราบอยู่บ้างว่าเสี่ยอ้วน มีความขัดแย้งเรื่องที่ดินกับผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้อยู่บ้าง โดยเฉพาะที่ดินบริเวณกิโล 6 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการผลักดันให้เป็นจุดผ่อนปรนแห่งใหม่ของจังหวัด ก็เลยไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว การหายตัวไปเกิดจากเรื่องใดกันแน่
ด้านนายเมธา ล้อเจริญวัฒนชัย หรือเฮียเตียก พ่อค้าชายแดนอรัญประเทศ กล่าวว่า สาเหตุหลักน่าจะมาจากเรื่องการค้าขายที่ดินบริเวณโกดังโรงเกลือ ป่าไร่ ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล และกำลังตกลงเจรจากันอยู่ ส่วนปัญหาอื่นก็มีอีกมาก แต่คนในพื้นที่ไม่ได้มีใครสนใจ หรือใส่ใจอะไรมากนัก เนื่องจากเสี่ยอ้วน จะฟ้องร้องทุกหน่วยงานที่เห็นว่าไม่ถูกต้องและไม่ถูกใจ เช่น ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากประกอบธุรกิจหลายอย่าง เมื่อถูกจับกุมก็จะฟ้องร้องบุคคลดังกล่าวทันที
นายเมธา กล่าวว่า นายชัยชนะ เป็นคนที่มีฐานะร่ำรวย แต่ไม่ใช่คนกว้างขวางในอำเภอ นอกจากนั้น จะเดินทางไปไหนด้วยตัวเอง ไม่มีลูกน้องติดตาม จึงอาจเป็นโอกาสให้กลุ่มคนที่ไม่พอใจ ก่อเหตุในครั้งนี้ได้ คาดว่าอาจจะเสียชีวิตแล้ว เพราะนานหลายวันแล้วยังไม่พบตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยชนะ เดิมเป็นพ่อค้าขายพริก น้ำปลา โดยใช้รถนิสสันกระบะ สีแดง ขับไปขายตามชายแดนไทย-กัมพูชา มีภรรยาคนแรกเป็นคนไทย และมีลูกด้วยกัน ช่วงที่ค้าขายอยู่นั้น ไปพบหญิงหม้ายชาวกัมพูชา ซึ่งมีฐานะร่ำรวย จึงได้เลิกกับภรรยาชาวไทย และไปอยู่กินกับภรรยาคนใหม่
เมื่ออยู่กับภรรยาชาวกัมพูชา ก็ร่วมทำธุรกิจด้วยกัน แต่ภรรยาชาวกัมพูชาไม่ค่อยรู้เรื่องด้านการเงิน การธนาคาร ทำให้นายชัยชนะ เข้ามาควบคุมดูแลด้านการเงินทั้งหมด จึงทำให้มีฐานะร่ำรวยขึ้น และด้วยความที่เป็นคนเจ้าชู้ มักจะมีปัญหากับลูกน้องที่เป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ จนเป็นเหตุให้หายตัวไป
วันเดียวกันนี้่ที่ กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานคดีที่ นายชัยชนะ หรือเสี่ยอ้วน หมายงาน อายุ 67 ปี เสี่ยเจ้าของกิจการห้างค้าผ้าในตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว ที่หายตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.พร้อมกับรถกระบะนิสสันนาวาร่า สีขาว ทะเบียน กค 717 สระแก้วว่า ก่อนหน้านี้นายชัยชนะเคยเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีและให้ตรวจขสอบหน่วยงานต่าง ๆ 5 คดีด้วยกัน
เมื่อเดือนก.ค.2555 ร้องให้พนักงานสอบสวน ตรวจสอบกรณี อบจ.สระแก้ว ประมูลให้เช่าที่ดินสร้างอาคารให้ผู้ค้าค้าขายในตลาดโรงเกลือ หมู่ที่ 7 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไม่โปร่งใส เดือน ก.ย.2555 นายชัยชนะ ร้องให้พนักงานสอบสวน ตรวจสอบกรณี ตำรวจ สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ทำบัตรให้คนต่างด้าวเข้ามาค้าขายและเป็นลูกจ้างในตลาดโรงเกลือ โดยคิดค่าหัวรายละ 800 บาทต่อเดือน เดือนมิ.ย.2555 ร้องว่าชาวต่างด้าวเข้ามามีอิทธิพลในตลาดโรงเกลือ ตั้งสิ่งกีดขวางบนผิวจราจร และร้องเรียนว่าป้อมยามที่เขาบริจาคให้เจ้าหน้าที่มีผู้มีอิทธิพลนำมาเป็นที่จำหน่ายตั๋วรถทัวร์ นอกจากนี้ยังไปร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ทหารอาศัยอิทธิพลเข้าไปขนเสื้อผ้ามือสองจากเขมรเข้ามาขายในโรงเกลืออีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดที่นายชัยชนะมาร้องเรียนที่กองปราบปรามนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่พบว่าคดีมีมูลสักคดี ทำให้ นายชัยชนะ ไม่พอใจเดินทางได้ไปร้องเรียนหน่วยงานอื่นอีกเช่น กระทรวงมหาดไทยต่อ อย่างไรก็ตามการหายตัวไปของนายชัยชนะ นั้นชุดสืบสวนกองปราบปรามได้ให้น้ำหนักในประเด็นร้องเรียนรวมอยู่ด้วย
ส่วนกรณีที่มีรายงาน ว่าเจ้าหน้าที่เจอรถกระบะนิสสันนาวาร่า สีขาว ทะเบียน กค 717 สระแก้ว ของนายชัยชนะ ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรีนั้น พ.ต.อ.นิรันดร์ นามสุวรรณ ผกก.2 บก.ป.ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร สว.กก.2 บก.ป.พร้อมทีมสืบสวนเข้าตรวจสอบปรากฏว่าไม่พบรถต้องสงสัยแต่อย่างใด
วันนี้ (4 ก.ค.) จากเหตุนายชัยชนะ หมายงาน หรือเสี่ยอ้วน เศรษฐีตลาดโรงเกลือ ที่ถูกคนร้ายอุ้มหายไปเมื่อเช้ามืดของวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า สีขาว ทะเบียน กค 717 สระแก้ว โดย พล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รอง ผบช.ภ. 2 พ.ต.อ.ไพบูลย์ วังฑะพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พ.ต.อ.สมชาย อยู่สวัสดิ์ ผกก.สภ.คลองลึก ตั้งชุดสืบสวนเฉพาะกิจ ปูพรมตามหาตัว นายชัยชนะ และส่งทีมออกล่าตัวคนร้าย ซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 5 คน ที่มาดักอุ้ม ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่พบตัวเสี่ยอ้วนแต่อย่างใด
พล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รอง ผบช.ภ. 2 กล่าวว่า คดีนี้ชาวสระแก้วให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยติดตามความเคลื่อนไหวการล่าตัวคนร้ายทางสื่อสารมวลชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตำรวจได้เร่งติดตามคดีอย่างใกล้ชิด ขณะนี้พอรู้เบาะแสกลุ่มคนร้ายที่อุ้มนายชัยชนะ บ้างแล้ว คาดว่าอีก 2 วันจะมีข่าวดี
ด้านนางปางมุ้ย หมายงาน ภรรยา เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ นายเนตร เสรี กงสุลใหญ่กัมพูชา ประจำ จ.สระแก้ว ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่เขตเทศบาลเมืองอรัญประเทศ ห่างจากตลาดโรงเกลือประมาณ 1 กิโลเมตร โดยร้องขอให้ทางกงสุลใหญ่ช่วยตามหาตัวสามีในฝั่งกัมพูชา เพราะเกรงว่าคนร้ายอาจจะอุ้มตัวข้ามไปฆ่าทิ้งที่ฝั่งกัมพูชาก็ได้ เนื่องจากที่ผ่านมา เสี่ยอ้วน เคยทำธุรกิจค้าขายหลายอย่างในฝั่งกัมพูชา และก่อนที่เสียอ้วนหายตัวไป ได้มีการพูดโทรศัพท์เกี่ยวข้อพิพาทที่ดินที่กิโล 5 ป่าไร่ อาจจะมีปัญหากับนักธุรกิจในกัมพูชาบางราย จนส่งผลให้มีการอุ้มตัวไปเรียกร้องสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรืออาจจะอุ้มไปฆ่าทิ้งก็เป็นได้
หลังรับเรื่อง นายเนตร ได้รายงานไปยังกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ณ กรุงพนมเปญ ซึ่งทางกระทรวงได้สั่งการให้ทหารกัมพูชา ตำรวจ และสารวัตรทหารกัมพูชา ที่ประจำอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่งอยู่ติดกับ จ.สระแก้ว ให้ปูพรมค้นตัวเสี่ยอ้วนและรถกระบะคันแล้ว
น.ส.ทรัพย์สกุล หมายงาน ลูกสาวกล่าวว่า ตั้งแต่พ่อถูกอุ้มตัวไปจนถึงวันที่ 4 ก.ค. รวม 4 วันแล้ว ยังไม่สามารถติดต่อกับพ่อได้เลย รู้สึกเป็นห่วงพ่อมาก เพราะที่ผ่านมาพ่อไม่เคยออกจากบ้านไปนานขนาดนี้ แต่พวกตนก็ยังมั่นใจว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่
ล่าสุด เช้าวันนี้มีโทรศัพท์ลึกลับจากการตรวจอบพบว่า มาจากตู้สาธารณะ บอกว่าพบรถยนต์ของพ่อแล้วที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ให้ตนกับมารดาเดินทางไปดูรถ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องผิดปกติ จึงไม่ได้ตามไป เพราะคิดว่าอาจจะเป็นกลลวงของคนร้าย อีกทั้งตั้งแต่พ่อถูกอุ้มไป พวกตนก็อยู่กันอย่างหวาดระแวง เพราะบ้านที่อาศัยอยู่เป็นร้านอาหาร อยู่ในชุมชนแออัดของตลาดโรงเกลือ มีผู้คนจำนวนมากเดินผ่านเข้าออก จึงไม่อยากออกจากบ้าน เกรงว่ากลัวจะไม่ปลอดภัย
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการในตลาดโรงเกลือ กล่าวว่า โดยพื้นฐานแล้ว นายชัยชนะ เป็นคนที่เงียบๆ แต่มีภรรยาหลายคน เนื่องจากมีเงิน และภรรยาส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา ประกอบกิจการหลายอย่าง มีบริษัท ส่งเสริม 2 แผ่นดิน จำกัด ซึ่งอาจเป็นจุดเกิดข้อพิพาทกับกลุ่มคนมีสี แต่ที่เด่นชัด คือ ทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน เสี่ยอ้วนจะรู้เรื่องที่ดินบริเวณชายแดนมากที่สุด และที่ผ่านมาได้เป็นหนึ่งที่พานายวีระ สมความคิด เข้าไปชี้แนวเขตไทย-กัมพูชา
นอกจากนี้ เสี่ยอ้วน ยังประกอบธุรกิจค้าขายเสื้อผ้าในตลาดโรงเกลือหลายแห่ง และยังประกอบธุรกิจโรงแรมในตลาดโรงเกลืออีกด้วย การหายตัวไปครั้งนี้ หลายคนจึงมองมองไม่ออกว่าจะมาเหตุใดกันแน่ เนื่องจากเสี่ยอ้วน ประกอบธุรกิจที่ขัดกับผลประโยชน์ของคนหลายกลุ่ม
ด้าน พ.ต.อ.สมชาย อยู่สวัสดิ์ ผผก.สภ.คลองลึก กล่าวว่า ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติม แต่ได้ไปตรวจกล้องวงจรปิด พบว่า นายชัยชนะ ขับรถออกไปจ่ายตลาดตามเวลาปกติ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปประเด็นได้ เนื่องจากนายชัยชนะ มีปัญหาหลายประเด็น
ด้านแหล่งข่าวในสภาหอการค้าจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ชื่อเสียงของเสี่ยอ้วนเป็นที่รู้จักในแวดวงการค้าย่านตลาดโรงเกลือ มากกว่าการมีบทบาทในองค์กรของจังหวัด ซึ่งที่ผ่านมา มีข่าวความขัดแย้งระหว่างเสี่ยอ้วน กับหลายบุคคล และที่ผ่านมา ก็เคยขอความช่วยเหลือจากหอการค้าในแง่ส่งเสริมการค้าบริเวณตลาดโรงเกลือ แต่เนื่องจากจุดประสงค์ยังไม่มีความชัดเจน ทำให้เรื่องดังกล่าวเงียบหายไป อย่างไรก็ตาม แม้เสี่ยอ้วน จะมีธุรกิจขายผ้าในตลาดโรงเกลือ แต่ระยะหลังเริ่มหันเข้าสู่ธุรกิจการค้าที่ดินมากขึ้น
ทั้งนี้ เสี่ยอ้วนค่อนข้างมีชื่อเสียงแถวตลาดโรงเกลือ แต่ที่ผ่านมาทราบว่าเป็นนักร้องเรียนคนหนึ่ง โดยเฉพาะการร้องเรียนหน่วยงานราชการ ทั้งทหาร และตำรวจ อย่างไรก็ตาม พอทราบอยู่บ้างว่าเสี่ยอ้วน มีความขัดแย้งเรื่องที่ดินกับผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้อยู่บ้าง โดยเฉพาะที่ดินบริเวณกิโล 6 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการผลักดันให้เป็นจุดผ่อนปรนแห่งใหม่ของจังหวัด ก็เลยไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว การหายตัวไปเกิดจากเรื่องใดกันแน่
ด้านนายเมธา ล้อเจริญวัฒนชัย หรือเฮียเตียก พ่อค้าชายแดนอรัญประเทศ กล่าวว่า สาเหตุหลักน่าจะมาจากเรื่องการค้าขายที่ดินบริเวณโกดังโรงเกลือ ป่าไร่ ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล และกำลังตกลงเจรจากันอยู่ ส่วนปัญหาอื่นก็มีอีกมาก แต่คนในพื้นที่ไม่ได้มีใครสนใจ หรือใส่ใจอะไรมากนัก เนื่องจากเสี่ยอ้วน จะฟ้องร้องทุกหน่วยงานที่เห็นว่าไม่ถูกต้องและไม่ถูกใจ เช่น ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากประกอบธุรกิจหลายอย่าง เมื่อถูกจับกุมก็จะฟ้องร้องบุคคลดังกล่าวทันที
นายเมธา กล่าวว่า นายชัยชนะ เป็นคนที่มีฐานะร่ำรวย แต่ไม่ใช่คนกว้างขวางในอำเภอ นอกจากนั้น จะเดินทางไปไหนด้วยตัวเอง ไม่มีลูกน้องติดตาม จึงอาจเป็นโอกาสให้กลุ่มคนที่ไม่พอใจ ก่อเหตุในครั้งนี้ได้ คาดว่าอาจจะเสียชีวิตแล้ว เพราะนานหลายวันแล้วยังไม่พบตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยชนะ เดิมเป็นพ่อค้าขายพริก น้ำปลา โดยใช้รถนิสสันกระบะ สีแดง ขับไปขายตามชายแดนไทย-กัมพูชา มีภรรยาคนแรกเป็นคนไทย และมีลูกด้วยกัน ช่วงที่ค้าขายอยู่นั้น ไปพบหญิงหม้ายชาวกัมพูชา ซึ่งมีฐานะร่ำรวย จึงได้เลิกกับภรรยาชาวไทย และไปอยู่กินกับภรรยาคนใหม่
เมื่ออยู่กับภรรยาชาวกัมพูชา ก็ร่วมทำธุรกิจด้วยกัน แต่ภรรยาชาวกัมพูชาไม่ค่อยรู้เรื่องด้านการเงิน การธนาคาร ทำให้นายชัยชนะ เข้ามาควบคุมดูแลด้านการเงินทั้งหมด จึงทำให้มีฐานะร่ำรวยขึ้น และด้วยความที่เป็นคนเจ้าชู้ มักจะมีปัญหากับลูกน้องที่เป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ จนเป็นเหตุให้หายตัวไป
วันเดียวกันนี้่ที่ กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานคดีที่ นายชัยชนะ หรือเสี่ยอ้วน หมายงาน อายุ 67 ปี เสี่ยเจ้าของกิจการห้างค้าผ้าในตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว ที่หายตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.พร้อมกับรถกระบะนิสสันนาวาร่า สีขาว ทะเบียน กค 717 สระแก้วว่า ก่อนหน้านี้นายชัยชนะเคยเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีและให้ตรวจขสอบหน่วยงานต่าง ๆ 5 คดีด้วยกัน
เมื่อเดือนก.ค.2555 ร้องให้พนักงานสอบสวน ตรวจสอบกรณี อบจ.สระแก้ว ประมูลให้เช่าที่ดินสร้างอาคารให้ผู้ค้าค้าขายในตลาดโรงเกลือ หมู่ที่ 7 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไม่โปร่งใส เดือน ก.ย.2555 นายชัยชนะ ร้องให้พนักงานสอบสวน ตรวจสอบกรณี ตำรวจ สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ทำบัตรให้คนต่างด้าวเข้ามาค้าขายและเป็นลูกจ้างในตลาดโรงเกลือ โดยคิดค่าหัวรายละ 800 บาทต่อเดือน เดือนมิ.ย.2555 ร้องว่าชาวต่างด้าวเข้ามามีอิทธิพลในตลาดโรงเกลือ ตั้งสิ่งกีดขวางบนผิวจราจร และร้องเรียนว่าป้อมยามที่เขาบริจาคให้เจ้าหน้าที่มีผู้มีอิทธิพลนำมาเป็นที่จำหน่ายตั๋วรถทัวร์ นอกจากนี้ยังไปร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ทหารอาศัยอิทธิพลเข้าไปขนเสื้อผ้ามือสองจากเขมรเข้ามาขายในโรงเกลืออีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดที่นายชัยชนะมาร้องเรียนที่กองปราบปรามนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่พบว่าคดีมีมูลสักคดี ทำให้ นายชัยชนะ ไม่พอใจเดินทางได้ไปร้องเรียนหน่วยงานอื่นอีกเช่น กระทรวงมหาดไทยต่อ อย่างไรก็ตามการหายตัวไปของนายชัยชนะ นั้นชุดสืบสวนกองปราบปรามได้ให้น้ำหนักในประเด็นร้องเรียนรวมอยู่ด้วย
ส่วนกรณีที่มีรายงาน ว่าเจ้าหน้าที่เจอรถกระบะนิสสันนาวาร่า สีขาว ทะเบียน กค 717 สระแก้ว ของนายชัยชนะ ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรีนั้น พ.ต.อ.นิรันดร์ นามสุวรรณ ผกก.2 บก.ป.ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร สว.กก.2 บก.ป.พร้อมทีมสืบสวนเข้าตรวจสอบปรากฏว่าไม่พบรถต้องสงสัยแต่อย่างใด