xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยปิดบวก 24 จุด โบรกฯ คาดรีบาวนด์ตามเทคนิค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (16 ม.ค.) ปิดที่ระดับ 1,301.48 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +24.45 จุด หรือ +1.91 มูลค่าการซื้อขาย 37,764.50 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,304.89 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,280.09 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์เริ่มปรับตัวดีขึ้นแม้ความขัดแย้งทางการเมืองจะยืดเยื้อ แต่ยังไม่มีเหตุการจลาจลรุนแรง

หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น จำนวน 611 หลักทรัพย์ ลดลง 142 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 157 หลักทรัพย์

การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,029.99 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 345.4 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 456.74 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ -1,832.21 ล้านบาท

ทั้งนี้ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับหลักทรัพย์ คือ

JAS ปิดที่ 7.40 บาท เพิ่มขึ้น +0.30 หรือ +4.23% มูลค่าการซื้อขาย 2,707,170 ล้านบาท
ADVANC ปิดที่ 215.00 บาท เพิ่มขึ้น +10.00 บาท หรือ +4.88 มูลค่าการซื้อขาย 2,233,582 ล้านบาท
AOT ปิดที่ 166.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,073,623 ล้านบาท
TRUE ปิดที่ 8.05 บาท เพิ่มขึ้น +0.40 หรือ +5.23% มูลค่าการซื้อขาย 2,038,374 ล้านบาท
PTTGC ปิดที่ 75.25 บาท เพิ่มขึ้น +0.50 บาท หรือ +0.67% มูลค่าการซื้อขาย 1,538,517 ล้านบาท

นายธีรศักดิ์ ธนวรากุล นักวิเคราะห์เทคนิคตราสารทุน และตราสารอนุพันธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้ปรับฟื้นตัวขึ้นตามทิศทางตลาดในภูมิภาค ซึ่งตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปอย่างมากในช่วงที่มีการประท้วง ซึ่งหากพิจารณาเปรียบเทียบกันกับตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP คือ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก หากมองภาพรวมด้านมูลค่าราคาหุ้นที่ปรับตวลงมาจึงเกิดเป็นแรงจูงใจในการเข้ามาลงทุน ดัชนี SET INDEX จึงปรับตัวขึ้นมาแม้ว่าส่วนที่ทำการของตลาดหลักทรัพย์จะปิดก็ตาม

ในส่วนของการประท้วงปิดกรุงเทพฯ ที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่าจะกระทบต่อตลาดทุนนั้น ในความเป็นจริงนักลงทุนในทุกกลุ่มรับรู้ข่าวก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุน ทำให้หุ้นปรับตัวลดลง แต่เมื่อหุ้นปรับตัวลดลงไปถึงจุดหนึ่งที่พอคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ดัชนีหุ้นไทยก็จะดีดตัวกลับขึ้นมา แต่อย่างไรก็ดี นักลงทุนก็ยังคงต้องติดตามต่อเพราะยังไม่สามารถสรุปได้ว่าความขัดแย้งทางการเมืองจะจบลงเมื่อไหร่ และอาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นได้ ขณะเดียวกัน จากกรณีการชุมนุมประท้วงปิดกรุงเทพฯ ที่ส่งผลต่อการลงทุนนั้น หุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ หุ้นกลุ่มสื่อสาร ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง จะเห็นได้ว่าหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวลงมาอย่างรุนแรง และในทางกลับกันก็ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน

“แนะนำให้นักลงทุนที่จะปรับพอร์ตการลงทุน ถ้าหากว่ายังขาดทุนยังไม่ควรที่จะขายออกไป เนื่องจากทิศทางการฟื้นตัวของตลาดหุ้นยังคงดีอยู่ ซึ่งคนที่มีกำไรสามารถที่จะเลือกขายทำกำไรออกมาได้ก่อน เพราะปัญหาด้านการเมืองยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ในขณะนี้ อย่างไรก็ดี แนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนจากทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นในขณะนี้ ซึ่งจะกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่ทั้งนี้ ค่าเงินบาทของไทยปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มมีการชุมนุม ทั้งนี้ นักลงทุนต้องติดตามแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐว่าจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในระยะยาวหรือไม่ ในส่วนของทองคำนั้น จะมีแนวต้านที่ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ซึ่งจะเป็นแนวต้านสำคัญของราคาทองคำ ถ้าหากผ่านแนวต้านนี้ไปได้ คาดว่าแนวโน้มราคาทองคำจะดีขึ้น เพียงแต่ว่าปัญหาขณะนี้ราคาทองคำจะสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ในระดับ 1,250-1,260 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ จะมีแรงขายออกมา ซึ่งมองว่าจะยังไม่มีทิศทางในเชิงบวกมากนัก และราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงได้ถึง 1,230 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ถ้าค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอาจมีการแกว่งตัวออกด้านข้าง ซึ่งส่วนหนึ่งจะอ้างอิงกับราคาทองคำ ถ้าหากยังไม่มีอะไรที่ออกมาอย่างชัดเจน คาดว่าดัชนีตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าก็จะปรับตัวออกด้านข้าง”

อย่างไรก็ดี แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ถ้าหากดัชนียังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไป คาดว่าจะมีแนวรับที่ 1,295 จุด และแนวต้านที่ 1,310-1,320 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น