xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นเปิดตลาดเช้า นักลงทุนชะลอเทรดเหตุหยุดยาวเทศกาล หวั่นการเมืองเดือด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หุ้นเปิดลบจากเหตุความรุนแรงทางการเมืองฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศ กระหน่ำเทขายหุ้นไทย แม้ตลาดยุโรป และสหรัฐฯ สรุป Record high ตัวเลข ศก. ที่ออกมาดี ขณะที่แนะจับจาการเจรจาหาทางออกเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างผู้ชุมนุม และรัฐบาลรักษาการ หากเลยปีใหม่แนวโน้มต่างชาติย้านฐานลงทุนไปตลาดประเทศเกิดใหม่มีสูง

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (27 ธ.ค.) ดัชนีเปิดในแดนลบ โดยเมื่อเวลา 10.15 น. ดัชนีปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ระดับ 1,300.55 จุด ลดลง 7.91 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.62% มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 2,561.37ล้านบาท

นายธีรศักดิ์ ธนวรากุล นักวิเคราะห์เทคนิคตราสารทุน และตราสารอนุพันธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นช่วงหยุดเทศกาลต่อเนื่องยาวนานหลายวัน แนวโน้มดัชนี SET INDEX อาจปรับตัวเคลื่อนใหวในกรอบแคบๆ ที่ประมาณ 1,300 จุด โดยมีแนวต้านที่ประมาณ 1,320 จุด

ในส่วนของปัจจัยที่ส่งผลกระทบกดดันต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน จะยังคงอยู่ในเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งหากสถานการณ์การเมืองมีการผ่อนคลายในทางที่ดี มีการเจรจาหาข้อยุติตรงกันได้ แนวโน้มที่อาจจะปรับตัวขึ้นไปที่ 1,350 จุดได้  ส่วนปัจจัยลบจากต่างประเทศที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยจะยังไม่มีในช่วงนี้ เนื่องจากนักลงทุนได้รับรู้ผลการประชุมของเฟดที่สรุปผล QE ของรอบเดือนธันวาคมไปแล้ว

อย่างไรก็ดี แนวโน้มการลงทุนหลังผ่านเทศกาลปีใหม่ไปแล้วนั้น ต้องพิจารณาปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลต่อการลงทุนเป็นหลัก สิ่งที่ต้องจับตาดูคือ โอกาสในการเลือกตั้งจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน การเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างผู้ชุมนุม และรัฐบาลรักษาการจะมีการหาทางออกที่ตรงกันได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าหาทางออกที่ตรงกันทั้ง 2 ฝ่ายได้ก็จะเป็นผลดีต่อประเทศ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทนั้นอ่อนค่าลงจากปัจจัยเสี่ยงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศ ทั้งนี้ การที่ค่าเงินบาทแตะที่ระดับ 32.50-33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อาจจะถือได้ว่าตอบรับในระยะสั้นเร็วเกินไป ทั้งนี้ หากพิจารณาโดยรวมแล้วปรับตัวอ่อนค่าลงตามตลาดในภูมิภาคด้วย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นไปทดสอบที่ 33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐได้

“ในส่วนของเม็ดเงินลงทุนที่นักลงทุนต่างประเทศขายออกไปแล้วเกือบ 2 แสนล้านบาท อาจจะมีโอกาสใหลกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทยโดยจะพิจารณาจากดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อนโยบายรัฐ ซึ่งนักลงทุนจะมีตลาดให้พิจารณาเลือกได้มากทั้งตลาดที่สำคัญของเอเซีย เช่น ญี่ปุ่น หรือตลาดเกิดใหม่ของจีน แต่ทั้งนี้ประเด็นจะอยู่ที่ความโปร่งใสน่าเชื่อถือเป็นสำคัญ”

ขณะที่ดัชนีราคาทองคำมีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับที่ 1,200 จุด หรือ 1,220 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ซึ่งหากเทียบเป็นราคาบาททองคำคาดว่าจะอยู่ที่ 19,200-19,500 บาท/ต่อบาททองคำ จากการอ่อนตัวของค่าเงินบาท และการฟื้นตัวของราคาทองคำ

ทั้งนี้ ในแง่ของการลงทุนช่วงนี้หุ้นที่มีขนาดใหญ่ยังคงเป็นช่วงจังหวะของการลงทุนเข้าซื้อ เนื่องจากว่าพิจารณาจากราคามูลค่าหุ้นที่ปรับตัวลดลงมามาก หากเทียบระหว่างผลการดำเนินงานกับราคา ณ ขณะนี้ ถือว่าเป็นปัจจัยที่น่าลงทุน เช่น PTT, BBL, KBANK
กำลังโหลดความคิดเห็น