หุ้นไทยปิดตลาดลบ -9.75 จุด อยู่ที่ระดับ 1,298.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 33,683.23 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อยาวนาน ทำให้นักลงทุนวิตกกังวล ปรับพอร์ตถือเงินสดรอจังหวะลงทุนปีหน้า
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (27 ธ.ค.) ปิดที่ระดับ 1,298.71 จุด ปรับตัวลดลง -9.75 จุด จุด หรือ -0.75 มูลค่าการซื้อขาย 33,683.23 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,306.24 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,286.70 จุด ภาพรวมดัชนีอาจปรับตัวลดลงรุนแรงสวนตลาดภูมิภาค จากบรรยากาศการชุมนุมทางการเมืองกดดันรัฐบาลเพื่อเรียกร้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง และยุบเลิกรัฐบาลรักษาการ
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 248 หลักทรัพย์ ลดลง 500 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 151 หลักทรัพย์
การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 2,178.39 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 396.11 ล้านบาท ในขณะที่สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 1,858.25 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 716.25 ล้านบาท
ทั้งนี้ สรุปยอดการซื้อขายสะสมในช่วงวันที่ 1-27 ธันวาคม พบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิรวม -40,584.39 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิรวม 2,679.75 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิรวม 26,333.05 ล้านบาท และ ถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิรวม 16,931.08 ล้านบาท
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556-27 ธันวาคม 2556 พบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิรวม -193,911.00 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิรวม 1,722.69 ล้านบาท ในขณะที่สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิรวม 108,163.11 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิรวม 87,470.58 ล้านบาท
ในขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 11,516,038.54 ล้านล้านบาท และอัตราส่วนราคาต่อกำไร หรือ P/E อยู่ที่ 14.64
หลักทรัพย์วันนี้ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1.KBABK ปิดที่ 156.00 บาท ลดลง -4.00 บาท หรือ- 2.50% มูลค่าการซื้อขาย 1,823,116 ลบ.
2.JAS ปิดที่ 6.70 บาท ลดลง -0.15 บาท หรือ -2.19% มูลค่าการซื้อขาย 1,794,233 ลบ.
3.ADVANC ปิดที่ 199.50 บาท ลดลง -4.50 บาท หรือ -2.21% มูลค่าการซื้อขาย 1,554,440 ลบ.
4.CPALL ปิดที่ 42.00 บาท ลดลง -0.75 บาท หรือ -1.75% มูลค่าการซื้อขาย 1,330,032 ลบ.
5.TRUEIF ปิดที่ 10.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,248,400 ลบ.
นายธีรศักดิ์ ธนวรากุล นักวิเคราะห์เทคนิคตราสารทุน และตราสารอนุพันธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นช่วงหยุดเทศกาลต่อเนื่องยาวนานหลายวัน แนวโน้มดัชนี SET INDEX อาจปรับตัวเคลื่อนใหวในกรอบแคบๆ ที่ประมาณ 1,300 จุด โดยมีแนวต้านที่ประมาณ 1,320 จุด
ในส่วนของปัจจัยที่ส่งผลกระทบกดดันต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน จะยังคงอยู่ในเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งหากสถานการณ์การเมืองมีการผ่อนคลายในทางที่ดี มีการเจรจาหาข้อยุติตรงกันได้ แนวโน้มที่อาจจะปรับตัวขึ้นไปที่ 1,350 จุดได้
ส่วนปัจจัยลบจากต่างประเทศที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยจะยังไม่มีในช่วงนี้ เนื่องจากนักลงทุนได้รับรู้ผลการประชุมของเฟดที่สรุปผล QE ของรอบเดือนธันวาคมไปแล้ว
อย่างไรก็ดี แนวโน้มการลงทุนหลังผ่านเทศกาลปีใหม่ไปแล้วนั้น ต้องพิจารณาปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลต่อการลงทุนเป็นหลัก สิ่งที่ต้องจับตาดูคือ โอกาสในการเลือกตั้งจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน การเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างผู้ชุมนุม และรัฐบาลรักษาการจะมีการหาทางออกที่ตรงกันได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าหาทางออกที่ตรงกันทั้ง 2 ฝ่ายได้ก็จะเป็นผลดีต่อประเทศ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทนั้นอ่อนค่าลงจากปัจจัยเสี่ยงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศ ทั้งนี้ การที่ค่าเงินบาทแตะที่ระดับ 32.50-33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อาจจะถือได้ว่าตอบรับในระยะสั้นเร็วเกินไป ทั้งนี้ หากพิจารณาโดยรวมแล้วปรับตัวอ่อนค่าลงตามตลาดในภูมิภาคด้วย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นไปทดสอบที่ 33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐได้
“ในส่วนของเม็ดเงินลงทุนที่นักลงทุนต่างประเทศขายออกไปแล้วเกือบ 2 แสนล้านบาท อาจจะมีโอกาสใหลกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทยโดยจะพิจารณาจากดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อนโยบายรัฐ ซึ่งนักลงทุนจะมีตลาดให้พิจารณาเลือกได้มากทั้งตลาดที่สำคัญของเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น หรือตลาดเกิดใหม่ของจีน แต่ทั้งนี้ ประเด็นจะอยู่ที่ความโปร่งใสน่าเชื่อถือเป็นสำคัญ”
ขณะที่ดัชนีราคาทองคำมีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับที่ 1,200 จุด หรือ 1,220 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ซึ่งหากเทียบเป็นราคาบาททองคำคาดว่าจะอยู่ที่ 19,200-19,500 บาท/ต่อบาททองคำ จากการอ่อนตัวของค่าเงินบาท และการฟื้นตัวของราคาทองคำ
ทั้งนี้ ในแง่ของการลงทุนช่วงนี้หุ้นที่มีขนาดใหญ่ยังคงเป็นช่วงจังหวะของการลงทุนเข้าซื้อ เนื่องจากว่าพิจารณาจากราคามูลค่าหุ้นที่ปรับตัวลดลงมามาก หากเทียบระหว่างผลการดำเนินงานกับราคา ณ ขณะนี้ ถือว่าเป็นปัจจัยที่น่าลงทุน เช่น PTT, BBL, KBANK
ในขณะที่นักวิเคราะห์จาก บล.ฟิลลิป กล่าวว่า แนวโน้มคาดการณ์ SET INDEX ช่วงบ่ายยังเทรดในแดนลบต่อ โดยตลาดยังคงไร้ปัจจัยบวก นอกจากแรงซื้อของ LTF/RMF และการทํา window dressing ในวันสุดท้าย แต่คาดว่าแรงซื้อมีจํากัดมากขึ้น จับตาการประชุมของ กกต. ในวันที่ 2 ม.ค.ว่า จะตัดสินใจอย่างไร 1.หากเดินหน้าจัดเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. ต้องระวังความรุนแรงจากชุมนุมของกลุ่ม กปปส. 2.หากเลื่อนการเลือกตั้งออกไป จะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ คาด SET อาจปรับตัวลงแรงกว่ากรณีแรก อย่างไรก็ดี บ่ายนี้มีแนวรับที่ 1,280 แนวต้านที่ 1300,1310
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคเคเทรด จำกัด ระบุว่า ประเด็นหลักการลงทุนวันนี้ คือ ความเสี่ยงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ความรุนแรงจากการชุมนุมวานนี้ ส่งผลให้ กกต. เสนอให้รัฐบาลเลื่อนการเลือกตั้งออกไป จากเดิม 2 ก.พ.2557 และระบุว่า จะพิจารณาทางเลือกบางอย่างหากรัฐบาลไม่ตอบสนอง ซึ่งมองว่าอาจเป็นการลาออก