ก่อนที่ผมจะวิเคราะห์แนวโน้มทองคำและโลหะเงินในสัปดาห์นี้ ผมอยากแนะนำเคล็ดลับอะไรบางอย่างที่ผมได้เรียนรู้มานานแล้วซึ่งจะช่วยให้คุณอ่านจังหวะการเปลี่ยนแนวโน้มของตลาดต่างๆ มันเป็นเรื่องของบุคลิกที่แตกต่างกันของตลาดขาขึ้น และขาลง ซึ่งโดยปกติแล้วแนวโน้มตลาดขาขึ้นจะยาวนานกว่าตลาดขาลงซึ่งเป็นสิ่งที่คนที่คลุกคลีกับตลาดรู้กันดีอยู่แล้วจากประสบการณ์ แต่ทว่าคุณจะวัดมันยังไงล่ะ?
คุณจะรู้ได้ยังไงว่าช่วงแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงนั้นมันจะยาวนานแค่ไหน?
หลายปีก่อน ในช่วงทศวรรษที่ 1980 ผมได้พยายามค้นหาคำตอบของคำถามข้างต้น และผมได้ค้นพบวิธีง่ายๆ ที่จะวัดว่าแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงของตลาดน่าจะยาวนานแค่ไหน ซึ่งใช้ได้ผลดีไม่ว่าจะวัดจากกราฟรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือแม้แต่รายปีก็ตาม ผมได้ตรวจสอบข้อมูลทุกประเภทที่เกี่ยวกับแนวโน้มขาขึ้นและขาลงของตลาดต่าง ทั้งตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตร
โดยทำการทดสอบแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อพยายามหาบุคลิกการเคลื่อนไหวของตลาดขาขึ้นและขาลง ซึ่งปรากฎว่าสิ่งที่ผมค้นพบได้กลายมาเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดที่ผมใช้เพื่อช่วยในการซื้อขายในตลาดตั้งแต่นั้นมา
สิ่งที่ผมพบก็คือ การเคลื่อนไหวของตลาดขาขึ้นนั้นมักจะขยับขึ้นเป็นช่วงยาว 7, 11 หรือ 21 ช่วง ไม่ว่าคุณจะวัดด้วยกราฟรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายปีก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น หากคุณพิจารณาจากกราฟรายชั่วโมง ตลาดขาขึ้นจะขยับขึ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 7 ชั่วโมงก่อนที่จะพัก และถ้าหากตลาดสามารถทำยอดสูงสุดใหม่ได้ภายในอีก 3 ชั่วโมงหลังจาก 7 ชั่วโมงแรกผ่านไปแล้ว คุณก็เดาได้เลยว่าตลาดจะขยับขึ้นต่อไปอีก 4 ชั่วโมงจนครบช่วงตลาดขาขึ้นที่รวมเป็น 11 ชั่วโมง และถ้าตลาดสามารถทำยอดสูงสุดใหม่ได้ภายใน 3 ชั่วโมงหลังจาก 11 ชั่วโมงแรงผ่านไปแล้ว คุณก็มองต่อไปได้เลยว่าแนวโน้มขาขึ้นจะเกิดขึ้นยาวนานต่อเนื่องไปอีก 10 ชั่วโมงจนครบ 21 ชั่วโมง
เราสามารถใช้หลักการเดียวกันนี้กับกราฟรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และแม้แต่รายปีก็ตาม อย่างเช่น ช่วงแนวโน้มตลาดขาขึ้นมักจะยาวนาน 7 ปี 11 ปี และ 21 ปี เพื่อยกตัวอย่างให้เข้าใจ มาลองย้อนไปดูการพยากรณ์ของผมเมื่อเดือนกันยายน 2554 ที่ราคาทองคำวิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาถึง 11 ปีแล้ว ผมรู้ว่ามันถึงจุดที่ต้องมีการปรับตัวลงบ้างก่อนที่ตลาดจะกลับมาเป็นขาขึ้นรอบใหม่
ดังนั้นผมบอกว่าราคาทองคำถึงจุดสูงสุดของรอบนี้แล้ว และหลังจากนั้นราคาทองคำก็ไหลลงมาเป็นเวลาสองปีเต็ม และตอนนี้ก็กำลังจะครบช่วงสามปีของการปรับลงแล้ว ตลาดขาลงนั้นมักจะมีระยะเวลาที่สั้นกว่าขาขึ้น และมักจะขยับลงเป็นช่วงยาว 5 หรือ 10 ช่วง ซึ่งนั่นหมายความว่าตลาดมักจะตกเป็นเวลา 5 ชั่วโมง 5 วัน 5 สัปดาห์ 5 เดือน หรือ 5 ปี และขาลงที่ว่านี้จะยาวไปถึง 10 ช่วงก็ต่อเมื่อตลาดทำจุดต่ำสุดใหม่ภายในช่วงที่ 3 หลังจากที่ผ่าน 5 ช่วงแรกไปแล้ว
ในระหว่างช่วงดังกล่าว ตลาดจะมีปฏิกิริยาเกิดขึ้น ซึ่งมักจะกินเวลาประมาณ 1-3 ช่วงซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกใช้กรอบเวลาแบบไหน ในกราฟนี้ คุณจะเห็นตัวอย่างวิธีการนับอย่าง่ายๆ ของตลาดทองคำขาลงรอบล่าสุด ถึงแม้ว่าการนับแบบนี้ไม่ควรจะเป็นวิธีเดียวในการจะตัดสินใจซื้อขาย แต่วิธีง่ายๆ นี้ก็สามารถใช้ประกอบกับเครื่องมืออย่างอื่นในการที่จะช่วยยืนยันจุดเปลี่ยนแนวโน้มที่สำคัญของตลาด และช่วยให้คุณสามารถหาจุดเข้าซื้อที่มีความเสี่ยงต่ำสำหรับการซื้อขายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
สำหรับทิศทางตลาดทองคำและโลหะเงิน ทองคำวิ่งขึ้นไปจนเกินกว่าขอบบนของช่วงแนวโน้มปี 2557 ($1,268.30) ซึ่งผมได้บอกไว้ในบทความสัปดาห์ที่แล้วอีก $0.70 แล้วก็ร่วงลงมาอีก ผมไม่รู้สึกแปลกใจเลย เพราะตลาดทองคำยังคงอยู่ในช่วงขาลง โดยอยู่ในปีที่สามของการปรับตัวลดลงหลังจากที่เป็นตลาดขาขึ้นมายาวนานถึง 11 ปี ซึ่งทำสถิติสูงสุดในเดือนกันยายน 2554 ด้วยวิธีการนับที่ผมอธิบายไปแล้วข้างต้น ผมเชื่อว่าตลาดจะไม่กลับเป็นขาลงที่ยาวนานถึง 5 ปี เพราะตัวชี้วัดชนิดอื่นๆ ทุกตัวที่ผมใช้ต่างก็บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าราคาทองจะถึงจุดต่ำสุดในต้นปี 2557 เช่นเดียวกับโลหะเงิน ซึ่งปรับตัวลงมาจาจุดสูงสุดในเดือนเมษายน 2554 และน่าจะจบช่วงขาลงระยะสั้นในต้นปี 2557 เช่นกัน โดยแนวรับที่แข็งแกร่งอยู่ที่ $15 - $16 ในขณะที่แนวรับสุดท้ายที่แข็งแกร่งสุดๆ ของทองคำอยู่ที่ $1,029
ผมเชื่อว่าปี 2557 จะเป็นปีที่ดีสำหรับนักลงทุนในตลาดต่างๆ ถ้าสามารถทำความเข้าใจกระบวนการเปลี่ยนผ่านซึ่งจะเกิดขึ้นกับตลาดต่างๆ และเหตุผลที่ทำให้มันเกิดขึ้น ไม่เพียงแต่โลหะมีค่าเท่านั้น แต่สินค้าโภคภัณฑ์เกือบทุกชนิดก็น่าจะผ่านจุดต่ำสุดในช่วงต้นปีหน้าด้วย โดยค่าเงินยูโรน่าจะผ่านจุดสูงสุด ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลยุโรปและสหรัฐฯ น่าจะปรับลดลงต่อจากการที่อัตราดอกเบี้ยขยับสูงขึ้นแม้ว่าธนาคารกลางประเทศต่างๆ จะพยายามตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำก็ตาม และเราน่าจะเห็นการเทขายในตลาดหุ้นต่างๆ ก่อนที่จะจะมีการซื้อกลับและทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงจนทำสถิติสูงสุดใหม่
ดังนั้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดของคุณในช่วงนี้ก็คือ ถือเงินสดไว้ให้มากเพื่อที่คุณจะได้สามารถฉวยโอกาสในการเข้าลงทุนซื้อขายในปี 2557 ซึ่งน่าจะทำกำไรให้กับคุณได้อย่างงาม
นอกจากนี้ผมยังอยากแนะนำให้คุณเข้าฟังผมพูดในการสัมมนาเรื่อง “Global Investment Conference 2014: จะทำกำไรจากทองคำ ค่าเงิน หุ้นและพันธบัตรในปี 2557 และปีต่อๆ ไปได้อย่างไร” ซึ่งจะจัดขึ้นที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ในวันที่ 20-21 มีนาคม 2557 คุณไม่ควรพลาดโอกาสทองนี้ เพราะผมไม่เพียงแต่จะพูดถึงทิศทางของตลาดต่างๆ เท่านั้น แต่ผมยังจะถ่ายทอดเคล็ดในการใช้เครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยในการซื้อขายสินทรัพย์ซึ่งจำเป็นสำหรบนักลงทุนด้วย คุณสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้ในราคาพิเศษด้วยการคลิกที่นี่ www.midas-pr.com/larryedelson