บล.เอเซีย พลัส แนะจับตา 3 ปัจจัยสำคัญกระทบตลาดหุ้น ยอมรับการเมืองกลับมาร้อนแรงขึ้น เชื่อเป็นตัวเร่งเงินทุนไหลออก พร้อมคาด “จีดีพี” ไตรมาส 4/56 โตน้อยกว่า 1%
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (6 ธ.ค.) โยระบุว่า สถานการณ์ทางการเมืองจะกลับมาเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง โดยประเด็นที่ต้องจับตายังเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1.การชุมนุมที่ยังมีต่อไป โดยที่ข้อเรียกร้องที่ให้ดำเนินการกับการปฏิบัติตามข้อเรียกร้องยังไม่สามารถที่จะหาข้อสรุปได้ และอาจนำมาซึ่งความร้อนแรงอีกครั้ง
2.การพิจารณาคำร้องในคดีสำคัญหลายเรื่องของ ป.ป.ช. ที่อาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เช่น กรณีโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท โครงการจำนำข้าว ตลอดจนคำร้องให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นผลมาจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มา ส.ว.
และ 3.ผลกระทบจากการเมืองที่มีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยล่าสุด เริ่มมีความเห็นว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) งวดปี 2556 อาจเติบโตน้อยกว่า 3% ซึ่งก็หมายความว่า ในงวดไตรมาส 4/56 น่าจะเติบโตน้อยกว่า 1%
ทั้งนี้ องค์ประกอบดังกล่าวข้างต้นจะสร้างแรงกดดันต่อดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทยเร็วยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามข้อมูลการการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ นับจากต้นเดือน ก.พ.2556 เป็นต้นมา พบว่า มียอดสูงกว่า 1.7 แสนล้านบาท ขณะที่มูลค่าตลาดของเม็ดเงินลงทุนที่ถูกซื้อสะสมนับจากต้นปี 2552 จนถึงปัจจุบัน ยังคงมีเหลืออีกประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งอาจทำให้เห็นแรงขายต่อเนื่อง