หุ้นไทยปิดลบ 12 จุด เหตุกังวลเฟดปรับลดวงเงิน QE3 ในการประชุมรอบนี้ นักลงเทขายทำกำไรรอดูความชัดเจน แถมปัญหาการเมืองในประเทศยังไม่คลี่คลาย “จรัมพร” ชี้ลด QE3 แค่ผลกระทบระยะสั้น แต่การเมืองหากลากยาว อาจทำให้ต่างชาติไม่กล้าเข้ามาลงทุน หลังครึ่งเดือน ธ.ค.ขายแล้ว 3.5 หมื่นล้าน
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (16 ธ.ค.) ดัชนีปรับตัวในแดนลบ โดยปิดที่ระดับ 1,328.40 จุด ลดลง 12.73 จุด หรือ -0.95% มูลค่าการซื้อขาย 23,137.11 ล้านบาท ภาพรวมดัชนีปรับตัวลดลงจนทำ New Low ในรอบ 3 เดือน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนต้องการขายหุ้นถือเงินสด รอดูความชัดเจนในการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ ซึ่งอาจมีบทสรุปออกมาคือ การปรับลดวงเงินในการซื้อคืนพันธบัตร ของมาตรการ QE3 ในปัจจุบันซึ่งอยู่ในระดับ 85,000 ล้านบาท อีกทั้งเป็นช่วงใกล้สิ้นปีนักลงทุนปิด Position ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่ปีหน้า
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ไม่มีความคืบหน้า และต้องติดตามต่อไป
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 2,461.79 ล้านบาท เช่นเดียวกับบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ขายสุทธิ 474.39 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 1,793.01 ล้านบาท สถานบัน ซื้อสุทธิ 1,143.16 ล้านบาท และตั้งแต่วันที่ 1-16 ธ.ค.นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกไปแล้วประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยขณะนี้ยังไม่มีความเเน่นอน เนื่องจากปัจจัยลบจากต่างประเทศ เช่น ความกังวลในเรื่องที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด จะชะลอ หรือยกเลิกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในเชิงปริมาณ (QE3) ลงในเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในระยะเวลาสั้นๆ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ได้รับรู้ข่าว และได้เตรียมที่จะวางแผนการลงทุนไว้บ้างแล้ว จึงได้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ไปก่อน
ทั้งนี้ ในส่วนของปัญหาการเมืองภายในประเทศ คาดว่าจะส่งผลต่อการลงทุนในระยะยาว และทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยเทขายหุ้นออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีนักลงทุนต่างชาติได้ทยอยขายหุ้นใน ตลท.ไปเเล้วประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งหากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองมีความยืดเยื้อไปถึงปีหน้า อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติหันไปลงทุนยังตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่มีความน่าสนใจ มีความเสี่ยงน้อย มีอัตราเติบโตทางผลตอบแทนที่สูง และตลาดที่มีศักยภาพการลงทุนที่ดีกว่า เช่น จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง
สำหรับการระดมทุนในปีนี้ มองว่าตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยปีนี้ถือว่าเป็นปีทอง เนื่องจากมีเงินการระดมทุนเพิ่มขึ้นจากที่ตั้งเป้าว่า 120,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 300,000 ล้านบาท ซึ่งมองว่าหากสถานการณ์ทางการเมืองไม่มีเหตุการณ์รุงเเรงจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ 27 ธันวาคม จะมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมรายแรกของไทย หรือ TRUEGIF ที่เตรียมจะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีก 1 กองทุน ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มยอดเงินระดมทุนให้ทะลุเป้า 300,000 ล้านบาทได้
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวลงถ้วนหน้า คาดว่าจะเจอ profit taking ก่อนการประชุมเฟดที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ ซึ่งมีประเด็นการลดขนาด QE อีกทั้งเป็นช่วงใกล้สิ้นปีทำให้นักลงทุนปิด Position ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่ปีหน้า นอกจากนี้ ยังเจอปัจจัยการเมืองกดดัน ซึ่งก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป
“ด้านเทคนิคขณะนี้แสดงให้เห็นว่าระยะสั้นเริ่มเข้าสู่เขต Oversold แล้ว หลังจากที่ดัชนี SET หลุดแนว 1,350 จุด ก็มีการทำ New Low อยู่เรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้ก็เป็น New Low ในรอบ 3 เดือน ดังนั้น ตลาดฯ ก็มีโอกาสที่จะเกิดเทคนิเคิลรีบาวนด์ได้บ้างเหมือนกัน ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (17 ธ.ค.) ดัชนีคงจะยังปรับตัวลงได้เรื่อยๆ จนกว่าจะมีอะไรที่ชัดเจน พร้อมให้แนวรับ 1,300 จุด แนวต้าน 1,350 จุด”