หุ้นไทยสวิงบวก/ลบ 10 กว่าจุด โดยปิดบวก 11.76 จุด รับข่าวเฟดคงมาตรการ QE3 ต่อไป จากช่วงแรกความกังวลต่อการชุมนุมคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษสุดซอย กดดัชนีร่วง 12.25 จุด โบรกฯ ประเมินนักลงทุนคลายกังวล หลังยังไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่ระยะยาวยังน่าวิตก เห็นต่างชาติจะใช้เป็นปัจจัยลบต่อประเทศชะลอลงทุน หากมีความรุนแรงเกิดขึ้น
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (31 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,442.88 จุด เพิ่มขึ้น 11.76 จุด หรือ 0.82% มูลค่าการซื้อขาย 37,547.44 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค รับข่าวธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงมาตรการผ่อนปรนเชิงปริมาณ (QE3) ต่อไป หลังจากปรับตัวลดลงต่ำสุดไปถึง -12.25 จุด ในช่วงระหว่างการซื้อขาย ซึ่งมาจากความกังวลต่อสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ
โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,599.45 ล้านบาท เช่นเดียวกับ สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ขายสุทธิ 631.49 ล้านบาท และ 56.83 ล้านบาท ตามลำดับ จึงมีเพียงนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อสุทธิ 2,287.77 ล้านบาท
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นมีทิศทางเป็นขาลง ตลาดเกิดข้อกังวลประเด็นทางการเมืองที่จะมีการชุมนุมเพื่อคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมจะมีมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ในกรณีมีผู้คัดค้านเข้าร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมาก และนำไปสู่ความรุนแรงจะส่งผลลบต่อดัชนีหุ้น และอาจกระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศได้ เพราะจะทำให้ความมั่นใจของผู้บริโภคลดลง กระทบต่อการจับจ่ายใช้สอย ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนได้ นอกจากนี้ จะทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่เป็นที่สนใจในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศ ประเด็นความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทยจะถูกหยิบยกเป็นปัจจัยลบสำคัญในการตัดสินใจการลงทุน จากเดิมก่อนหน้านี้จะมุ่งให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
กลับกัน หากการชุมนุมไม่มีความรุนแรงอาจจะสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น เพราะกฎหมายนิรโทษกรรมนั้นยังต้องมีกระบวนการอีกเยอะ
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนในกรอบ แต่ในช่วงท้ายดีดกลับขึ้นมาได้ หลังจากวานนี้ปรับตัวลงค่อนข้างแรง และสถานการณ์การคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ยังไม่มีแนวโน้มเกิดความรุนแรง ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE)ไว้ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดไปจากความคาดหมายของนักลงทุน
ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (1 พ.ย.) ตลาดหุ้นไทยคงจะซบเซา เนื่องจากนักลงทุนอยู่ระหว่างติดตามดูสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ คาดว่าจะผันผวนในกรอบ 1,420-1,450 จุด
