xs
xsm
sm
md
lg

โกลด์แมนแซคส์-QEทุบหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยรูด 28 จุด ปัจจัยภายในและนอกประเทศกดดัน ทั้งโกลด์แมนแซคส์ลดน้ำหนัก เฟดจ่อลดQE อีกทั้งสถานการณ์การเมือง ด้านภาคตลาดทุนจี้รัฐเร่ง2ล้านล้าน หากยืดเยื้อกลุ่มรับ

เหมาส่อโดนหั่นประมาณการ ชี้เพื่อดึงดูดเม็ดเงินภายนอก พร้อมคาดจีดีพีปีหน้าโต5%ลำบาก ส่วนวันนี้มีโอกาสรีบาวนด์ หลังปรับลงแรง

ตลาดหุ้นไทยวานนี้(21พ.ย.) ปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังมีข่าวโกลด์แมนแซ็คส์ ปรับลดน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย และยังได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ โดยปิดที่

ระดับ 1,375.86 จุด ลดลง 28.95 จุด หรือ 2.06% และระหว่างวันลดลงถึง 30.44 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,420.03 ล้านบาท
โดย สถาบัน นักลงทุนต่างชาติ และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 2,918.23 ล้านบาท , 2,097.50 ล้านบาท และ979.39 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 5,995.12

ล้านบาท
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 พ.ย.) ว่า เป็นการปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับตลาด

หุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค
ส่วนกรณีที่ โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของตลาดหุ้นไทย เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากนัก จากที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยขึ้นลง 2-3%
ด้านนางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า การปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยของโกลด์แมน แซคส์ น่าจะเกิดจากปัจจัยชั่วคราวจากสถานการณ์ทางการ

เมือง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยซึ่งไม่น่ากระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก แต่ต้องติดตามสาเหตุของการปรับลดดังกล่าวอีกครั้งว่ามาจากปัจจัยภายใน หรือปัจจัยภายนอกประเทศ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมามาก ทำให้ช่วงนี้นักลงทุนบางรายเริ่มมองเป็นจังหวะในการเข้าลงทุน ส่วนสถานการณ์การชุมนุมหากไม่มีความรุนแรงก็เชื่อว่าจะกระทบไม่มาก
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวเผยถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือปีนี้ว่า ยังมีตัวแปรหลายอย่างเข้ามากดดัน โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,380 จุด ทั้งนี้ที่

ผ่านมาพอประเทศไทยมีปัญหาการเมือง หากเพียงมีแค่การนัดชุมนุมจะส่งผลให้ตลาดหุ้นลดลง3% และหากประเด็นการชุมนุมได้รับการตอบรับมีประชาชนเข้าร่วมมากขึ้นจะส่งผลต่อตลาดหุ้น 5% สุดท้ายหากเกิด

เหตุการณ์รุนแรงก็จะมีผลต่อตลาดหุ้นประมาณ10% แต่เมื่อทุกอย่างยุติดัชนีและราคาหุ้นก็จะฟื้นตัวกลับมาได้หมด อีกทั้งยังมีเรื่องมาตรการQE3 เข้ามากดดัน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจคือการขับเคลื่อนโครงการลงทุนภาครัฐ ซึ่งจากเหตุการณ์ในปัจจุบัน คาดว่าจะมีการยืดเยื้อออกไปนานเป็นพิเศษ และจะทำให้ประเทศตกอยู่ในสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว

ทำให้โดยรวมเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเติบโตไม่ถึง5% และเต็มที่ได้แค่4% ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อหุ้นจะอยู่ที่ 9.5% นอกจากนี้ หากโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาทมีความล่าช้า หรือเกิดปัญหาจะมีความ

เสี่ยงต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะถูกนักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการ ขณะที่กลุ่มยานยนต์ เชื่อว่าดีมานต์ที่แท้จริงจะเริ่มกลับในปี2558 และจะมีผลต่อธนาคารที่มีพอร์ตปล่อยสินเชื่อรถยนต์จำนวนมากด้วย
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประะานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังไม่มีความแน่นอน จากปัญหาความขัดแย้งการเมือง จึงส่งผล

กระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมาก ประกอบกับประเทศที่เป็นแหล่งทุนรายใหญ่เช่นอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศในฟากทวีปยุโรปยังไม่ฟื้นตัวโดยสมบูรณ์ จึงยังไม่มีเม็ดเงินที่จะใหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยขณะนี้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีหุ้นไทยในไตรมาสที่ 1 ปีหน้าจะมีค่า P/E อยู่ที่ 15 เท่าและดัชนี SET INDEX จะอยู่ที 1,500-1,570 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวว่าโอกาสที่ต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพิ่มเติมมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับความชัดเจนในการเดินหน้าโครงการรัฐบาล หาก

ยังไม่ชัดเจนก็จะเลือกเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า โดยปีหน้าคาดดัชนีเลย1,500 จุด หากไม่มีการเมืองเข้ากดดัน และเศรฐกิจมีการเติบโต ก็อาจได้เห็น 1,600 จุดได้
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงหนัก สาเหตุหนึ่งมาจากนักลงทุนต่างชาติลดพอร์ตหลังธนาคารกลาง

สหรัฐฯ (เฟด) ได้มีรายงานออกมาในทำนองที่ว่าจะมีการลดขนาด QE เร็วขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า ยกเว้นญี่ปุ่น โดยก่อนหน้านี้ พบว่าต่างชาติมีการขายหุ้นไทยต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้น

เดือน พ.ย. ช่วงที่การเมืองร้อนแรง ซึ่งมีการขายสุทธิไปกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีการซื้อสุทธิแค่วันเดียวเมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. โดยเมื่อว่านี้ (20 พ.ย.) ซึ่งมีประเด็นร้อนแรง นักลงทุนต่างชาติเทขายไปกว่า 4 พันล้าน

บาท
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการลงทุนวันนี้(22พ.ย.) คาดว่า ดัชนียังมีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นหลังจากลงไปแรง แต่คงจะขึ้นไปได้ไม่มาก เพราะยังมีโอกาสถูกขายทำกำไรด้วย เนื่องจากตลาดฯยังรับแรงกด

ดันจากสถานการณ์การเมือง พร้อมให้แนวรับ 1,350 จุด แนวต้าน 1,400 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น