บล.ทรีนิตี้ คาดการณ์รายได้ในปีหน้าโต 25-30% ดันมาร์เกตแชร์พุ่งแตะ 3.5% จากปีนี้ที่ 2.5% มองว่าธุรกิจวาณิชธนกิจในปีหน้าจะโตอย่างมีนัยสำคัญ เผยกลยุทธ์รุกตลาดต่างประเทศตั้งเป้าสร้างลูกค้าใหม่ให้ได้ 1 พันราย พร้อมส่ง บจ.เข้าเทรดหุ้น IPO อีก 5-6 บริษัท ขณะที่วอลุ่มเทรดปีหน้าคาดถึง 5 หมื่นล้านบ. และหากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว SET INDEX จะพลิกกลับมายืนเหนือ 1,550-1,600 จุด
ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 3.5% จากการประเมินในปีนี้ซึ่งอยู่ที่ 2.5% ส่วนรายได้ในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตขึ้นถึง 25-30% เนื่องจากบริษัทฯ มองว่าธุรกิจวาณิชธนกิจ (IB) จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ จากภาพรวมตลาดหุ้นไทยปีนี้มีวอลุ่มเทรดเฉลี่ยต่อวันที่ประมาณ 4.9 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งนั้นมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีการซื้อขายไม่อยู่ในภาวะปกติ ทั้งจากการถ่ายโอนสินทรัพย์ และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ขณะที่ในส่วนของตลาดหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ และแนสแดค นั้นมีการปรับตัวผันผวนจากมาตรการ QE สหรัฐฯ และมีค่า PE ที่สูงอยู่มากถึง 15-16 เท่าหากเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP (Thailand, Indonesia, Philippines) ซึ่งมีค่า PE ที่ต่ำกว่า และมีผลตอบแทนทางการลงทุนที่สูงกว่า ทั้งนี้ ในปีหน้าคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีนโยบายอื่นมาแทนที่มาตรการ QE ที่จะสิ้นสุดลง และเงินทุนจากต่างประเทศจะใหลกลับเข้ามายังกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่มากขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์สร้างฐานลูกค้าใหม่ในปีหน้า โดยจะรุกกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีการจัดสัมมนาเพื่อดึงนักลงทุนตามแผนโรดโชว์ ปี 2557 จำนวนไม่ต่ำกว่า 29 ครั้ง โดยตั้งเป้าลูกค้าต่างประเทศในปีหน้าจะมีไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย ส่วนวอลุ่มเทรดในตลาดหุ้นไทยปีหน้านั้น คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน มีบริษัทจดทะเบียนที่เตรียมจะเข้าซื้อขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป หรือ IPO อย่างน้อย 5-6 บริษัท โดยจะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง อสังหาฯ สถาบันการเงิน และกลุ่มพลังงาน และบริษัทได้เซ็นสัญญาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกอย่างน้อย 4-5 บริษัท ทั้งนี้ หากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ และเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว คาดว่าดัชนี SET INDEX ในปีหน้าจะกลับมาอยู่ที่ประมาณ 1,550-1,600 จุด