“ทรีนิตี้” ปลื้มทุกกลุ่มธุรกิจเติบโต สัดส่วนรายได้สมดุล 60:40 โดยเฉพาะงานบริหารส่วนบุคคล และวาณิชธนกิจ แย้มปีหน้ามีดีลไอโพโอในมือแล้ว 4-5 ราย ใหญ่สุดคือ “บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย” พร้อมเพิ่มสินค้าในตลาดล่วงหน้าตอบโจทย์ลูกค้า ยอมรับธุรกิจโบรกฯ แข่งขันสูงขึ้น เน้นเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น แนะนักลงทุนปรับพอร์ตรับความผันผวนจากปัจจัยต่างเทศ
นายชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด และประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า กล่าวว่า แนวโน้มแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2557 ของ “ทรีนิตี้” ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ ส่วนภาพโดยรวมประมาณการทิศทางวอลุ่มตลาดที่ผ่านมาดีขึ้นในระดับที่น่าพอใจ และถือได้ว่าดีกว่าในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะธุรกิจบริหารส่วนบุคคล และวานิชธนกิจที่ปรับตัวสูงขึ้นมาถึงกว่า 2,000 ล้านบาท โดยในส่วนในปี 2557 คาดว่าจะมีความชัดเจน และมียอดวอลุ่มที่สูงกว่าปีนี้มากขึ้น
“แนวโน้มการเติบโตระหว่างตลาดหุ้น และตลาดซื้อขายล่วงหน้านั้นจะมีการเติบโตในระดับที่ขนานกันไป ซึ่งจะอยู่ที่แรงดึงดูดปัจจัยการลงทุนจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยจะมีทั้งผลดีและลบ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาดในขณะนั้น”
ทั้งนี้ ในปี 2557 บริษัทฯ อยู่ในช่วงระหว่างการเจรจางานด้านวานิชธนกิจของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งมีทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ประมาณ 4-5 ราย โดยส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นสามัญที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปหรือ IPO ซึ่งมีบริษัทที่สำคัญคือ “บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย” โดยในระหว่างนี้กำลังอยู่ในช่วงของการจัดทำแผนร่วมกัน ขณะที่ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า ปีหน้าบริษัทจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนหลากหลายประเภทเพิ่มมากขึ้น
สำหรับส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจโบรกเกอร์นั้น ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งอยู่ที่ประมาณ 1% อาจจะปรับบวกหรือลบเพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อยตามวอลุ่มการซื้อขายของตลาด ซึ่งถือว่าดีกว่าในปีที่แล้วมาก โดยส่วนใหญ่ลูกค้าของบริษัทจะเป็นกลุ่มนักลงทุนที่เน้นการลงทุนในระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มีการแข่งขันการสูงมาก และมีความแตกต่างในการนำเสนอเข้ามาดึงดูดลูกค้ามากขึ้น จะเห็นได้จากการเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็น Need Market และ Trading มากขึ้น
“เราพิจารณาจากรายได้รวมทั้งหมดมากกว่า ซึ่งสัดส่วนของมาร์เกตแชร์ และค่าคอมมิชชันจะไม่เท่ากัน โดยบริษัทมีค่าคอมมิชชันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.2% ในขณะที่ค่าคอมมิชชันของตลาดรวมโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 0.15%-0.17% ภาพรวมค่าคอมมิชชันยังคงถือว่าเป็นหลักใหญ่สำคัญที่อุตสาหกรรมโบรกเกอร์สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจของตัวเองได้ และเสริมความแข็งแกร่งของตัวเองด้วยช่องทางส่งเสริมการขายที่หลากหลาย ส่วนกองทุนส่วนบุคคล หรือ Private Fund และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เป็นอีกช่องทางรายได้ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับสัดส่วนรายได้ใหม่จากเดิมรายได้ค่าคอมมิชชันอยู่ที่ 80% ตอนนี้อยู่ 60% มาจากรายได้จากธุรกิจอื่นๆ เติบโตเพิ่มขึ้น ทำให้รวมแล้วใกล้เคียงในอัตราส่วน 50:50”
กรรมการอำนวยการ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ นักลงทุนอาจจะต้องปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อรับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศ คือ มาตรการ QE ของสหรัฐฯ ที่ยังคงไม่แน่นอน ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวนปรับตัวขึ้นลงเพราะยังคงไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ส่วนปัจจัยภายในประเทศที่ยังคงเป็นปัญหาคือ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม วาระ 2 ที่อาจทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล และส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดทุนในปี 2557 นั้น ยังคงคาดการณ์ว่าจะเป็นช่วงขาขึ้น ทั้งนี้ ในระยะสั้นอาจจะมีความผันผวนขึ้นลงรุนแรงอยู่บ้าง แต่คาดว่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งส่วนสำคัญที่จะเป็นแรงสนับสนุนจะขึ้นอยู่กับโครงการลงทุนของรัฐที่จะออกมา โดยตลาดหุ้นไทยจะยังคงเป็นศูนย์กลางที่มีความหลากหลายน่าลงทุนในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศอยู่”