MSCI เพิ่มอีก 20 หุ้นไทยเข้าคำนวณ MSCI Global Small Cap Indices มีผล 1 มิ.ย.56 ดันตลาดหุ้นไทยมีจำนวนหุ้นเข้าคำนวณสูงสุดในอาเซียน ด้าน “ทรีนิตี้” แนะเข้าลงทุนก่อนปรับราคาเพิ่ม ก่อนเริ่มมีผลบังคับใช้ 31 พ.ค. เหตุให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด 12% พร้อมเชื่อหุ้นไทยยังจ่อคิวเข้าอีก
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า จากการประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี MSCI ล่าสุด หุ้นไทย 20 หลักทรัพย์ ถูกเพิ่มเข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Small Cap Indices โดยเป็นหลักทรัพย์ใน SET 19 หลักทรัพย์และ mai 1 หลักทรัพย์ รวมมาร์เกตแคป 403,111 ล้านบาท (ณ วันที่ 15 พค.2556) และมีหลักทรัพย์ที่ถูกคัดออก 3 หลักทรัพย์
“หลักทรัพย์ไทยที่ถูกเพิ่มเข้าคำนวณในครั้งนี้นับว่ามีจำนวนสูงที่สุดในอาเซียน คือ 20 หลักทรัพย์ โดยเป็นหุ้นเข้าใหม่ (IPO) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาถึง 7 หลักทรัพย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หุ้น IPO เมื่อได้เข้ามาจดทะเบียนแล้วมีการบริหารจัดการที่ดี ใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม มีศักยภาพที่จะเติบโตจนมีขนาด และสภาพคล่องเข้าเกณฑ์ให้ได้รับคัดเลือกเข้าไปคำนวณในดัชนีระดับโลกได้ ซึ่งในช่วงต่อจากนี้ไปจะมีหุ้น IPO ที่น่าสนใจเตรียมเข้าจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง จึงมีแนวโน้มที่หลักทรัพย์ไทยจะถูกนำไปคำนวณในดัชนี MSCI Global Small Cap Indices จะเพิ่มมากขึ้น ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยได้รับความสนใจยิ่งขึ้นจากผู้ลงทุน” นายชนิตรกล่าว
โดยหลักทรัพย์ที่เป็นหุ้นเข้าใหม่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 7 หลักทรัพย์ ได้แก่ ANAN EA GUNKUL OFM SPCG (เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยอ้อม) VGI และ WHA โดยมีมาร์เกตแคปรวมกัน 44% ของมาร์เกตแคปรวมของหลักทรัพย์ไทยที่ได้ถูกเพิ่มเข้าคำนวณในครั้งนี้
“สำหรับหุ้นที่ถูกคัดออก โดยส่วนใหญ่จะเป็นหลักทรัพย์ที่มีมาร์เกตแคปสูงเกินเกณฑ์คัดเลือกหุ้นของดัชนี MSCI Global Small Cap Indices แล้ว ซึ่งหากมาร์เกตแคปยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และสภาพคล่องการซื้อขายยังอยู่ในระดับสูง หลักทรัพย์ดังกล่าวจะมีโอกาสได้รับเลือกนำเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Indices เช่นเดียวกับหุ้น HMPRO MINT และ TRUE ที่เพิ่งถูกนำเข้าไปคำนวณดัชนีดังกล่าวในรอบนี้”
ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลมาร์เกตแคปและการซื้อขายหลักทรัพย์เปรียบเทียบก่อนและหลังที่ถูกนำเข้าไปคำนวณดัชนี MSCI Global Small Cap Indices รอบเดือนพฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา สรุปได้ว่า หลักทรัพย์ที่ได้นับเข้าไปคำนวณในดัชนีจะมีมาร์เกตแคป และมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับทิศทางผลการดำเนินงาน และสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศ และต่างประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ MSCI ได้ประกาศรายชื่อหุ้นไทย 4 หลักทรัพย์เพิ่มเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Indices และไม่มีหุ้นที่ถูกคัดออก ได้แก่ INTUCH HMPRO MINT และ TRUEโดยทั้ง 4 หลักทรัพย์มาร์เกตแคปรวมกัน 641,009 ล้านบาท
ทรีนิตี้แนะลงทุน-คาดยิลด์โต 12%
น.ส.ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้มีหุ้นไทยถูกนำไปคำนวณใน MSCI Global Standard Indices ประมาณ 26 ตัว คิดเป็นมาร์เกตแคปประมาณ 8 ล้านล้านบาท ขณะที่มาร์เกตแคปทั้งตลาดตอนนี้อยู่ประมาณ 13 ล้านล้านบาท
“เบื้องต้นการปรับหุ้นของดัชนี MSCI จะมีผลต่อกองทุนอินเด็กซ์ ฟันด์ทั่วโลก ที่จะปรับพอร์ตลงทุนตามค่า Benchmark ซึ่งมีผลให้กองทุนเหล่านี้ให้น้ำหนักในหุ้นใหม่ที่ถูกนำไปคำนวณเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงจะมีแรงซื้อเข้ามา”
จากสถิติที่ผ่านมา บล.ทรีนิตี้ พบว่า ตั้งแต่ปี 2551 เมื่อมีการประกาศว่าหุ้นจะถูกนำเข้าไปคำนวณในดัชนีดังกล่าว ราคาหุ้นเหล่านี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นขานรับกับข่าวดังกล่าวทันที ตั้งแต่วันที่มีการประกาศ และในภาพรวมหุ้นเหล่านี้จะให้อัตราผลตอบแทนมากกว่า Set Index ประมาณ 12%
“ทางกลยุทธ์ บล.ทรีนีตี้ จะแนะนำให้เข้าลงทุนในหุ้นที่ถูกนำเข้าไปคำนวณใหม่ตั้งแต่วันที่เริ่มมีการประกาศเช่นกัน เพื่อทำกำไรในผลต่างของราคาหุ้นที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจนกว่าถึงวันที่มีผลบังคับใช้ นั่นคือ 31 พ.ค. 56”
BLA-BTS มีโอกาสเข้าหมวดใหญ่
ส่วนกรณีที่หุ้นขนาดเล็กของตลาดหุ้นไทยหลายบริษัท ถูกนำเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI Global Small Cap Indices ด้วยนั้น ประเมินว่าการประกาศดังกล่าวจะมีผลต่อราคา และแรงซื้อเข้ามาในหุ้นเหล่านี้เช่นกัน แต่โดยรวมแล้วยังให้ผลตอบแทนในระดับที่ต่ำกว่าหุ้นบิ๊กแคปที่ถูกนำไปรวมใน MSCI Global Standard Indices โดยให้อัตราผลตอบแทนที่ระดับ3.5%
“เกณฑ์การนำหุ้นไปคำนวณของ MSCI เราไม่สามารถสรุปได้แน่ชัด แต่โดยมากจะเน้นที่ไซส์ของหุ้น ฟรีโฟลตของหุ้น ฯลฯ ตราบใดที่ตลาดหุ้นไทยบูม ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หรือได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น เราก็เชื่อว่าหุ้นไทยยังมีโอกาสถูกนำเข้าไปคำนวณในดัชนีเพิ่มเติมได้อีก เห็นจากครั้งนี้ถูกนำเข้าไปเพิ่มถึง 4 บริษัท และไม่มีการคัดออก จากเดิมที่จะนำเข้าไปรอบละ 2-3 บริษัท จุดนี้เรามองเป็นเรื่องดี”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนหุ้นที่ถูกคัดออกจากดัชนี MSCI Global Small Cap Indices อย่าง BLA BTS VNT นั้น บล.ทรีนีตี้ มองว่า มีเพียง VNT เท่านั้นที่อาจถูกตัดเพราะมีฟรีโฟลตน้อย แต่ BLA และ BTS มองว่าไซส์ของหุ้นใหญ่ขึ้น เกินกว่าเกณฑ์ที่จะกำหนดให้มาอยู่ในกลุ่มเล็ก จึงมีความเป็นไปได้ที่อาจถูกนำเข้าไปคำนวณในกลุ่มใหญ่ในครั้งต่อไป ประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน
