“ไทยโพลีคอนส์” ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตขึ้น 25-30% สอดรับผลประกอบการไตรมาส 1/56 ที่พลิกกลับมมีกำไร พร้องลุยสร้างโรงไฟฟ้าให้ครบ 100 เมกกะวัตต์ภายใน 3ปี ผู้บริหารระบุอยู่ระหว่างศึกษาการจัดหาเงินลงทุน พร้อมรุกประมูลงานเม็ดเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท คาดได้รับ 30% ดันมูลค่างานในมือ(Backlog)ทั้งปีอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท
นายไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยโพลีคอนส์(TPOLY) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯจะกลับมามีกำไรใกล้เคียง 3 หลัก หลังจากที่ปี 55 ผลประกอบการขาดทุน เนื่องจากขณะนี้งานที่มีอัตรากำไรต่ำหมดไปตั้งแต่ไตรมาส 1/56 ทำให้ตั้งแต่ไตรมาส 2/56 เป็นต้นไปบริษัทจะรับรู้งานที่มีกำไรมากเข้ามา หลังจากมีงานเสนอเข้ามาเพิ่มขึ้นมาก จึงเป็นโอกาสที่บริษัทสามารถเลือกรับงานที่มีกำไรสูงได้ และรับรู้รายได้จากอสังหาริมทรัพย์ที่มีกำไรสูง ทำให้ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ 25 - 30%
โดยรวม บริษัทอยู่ในช่วงของการปรับกลยุทธการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน ในปี 2558 ซึ่งคาดว่ายอดปริมาณผู้บริโภคจะเพิ่มจำนวนขึ้น"
ทั้งนี้ บริษัทวางแผนก่อตั้งโรงไฟฟ้าภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งในขณะนี้ได้ลงทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไบโอแมสไปแล้ว 4 โรง เฉลี่ยโรงละ 10 เมกกะวัตต์ พร้อมกันนี้ยังได้เริ่มศึกษาโครงการสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงงานน้ำที่ประเทศลาวเพิ่ม อีก 3 โครงการ รวมมีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 100 เมกกะวัตต์ ซึ่งประเมินการลงทุนต่อ 1 เมกกะวัตต์ที่ประมาณ 70 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทเริ่มมีรายได้จากการขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าช้างแรก ที่เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทฯบางส่วนแล้ว โดยตั้งเป้ารายได้จากการขายไฟฟ้าไว้ที่ประมาณ 170-180 ล้านบาท ทำให้คาดการณ์กำไรสุทธิจากโรงไฟฟ้าในปีนี้ไว้ที่ 70-80%
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาวิธีการระดมเงินทุนเพื่อนำไปใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอีก 3 โครงการที่จะต้องใช้เงินประมาณ 300-400 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสรุปได้ภายในเดือนนี้ ซึ่งมีบล.ทรีนิตี้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน จาก 4 แนวทาง ได้แก่ การกู้เงินจากธนาคาร, การใช้เงินสดหมุนเวียนของบริษัทฯ, การออกวอแรนท์ และ การจัดตั้งกองทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน รวมถึงยังมีการหารือการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งและเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO)เพื่อระดมทุนไปลงทุนในโรงไฟฟ้าในอนาคต 100 เมกวัตต์ภายในปี 60
นายไชยณรงค์ กล่าวว่า นอกจากธุรกิจโรงไฟฟ้าแล้ว ในปีนี้บริษัทจะมีรายได้เพิ่มเติมในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ หลังจากมีงานเสนอเข้ามาเพิ่มขึ้นมาก จึงเป็นโอกาสที่บริษัทสามารถเลือกรับงานที่มีกำไรสูงได้ และรับรู้รายได้จากอสังหาริมทรัพย์ที่มีกำไรสูง
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าทั้งปี 56 จะมีงานในมือ(Backlog)อยู่ที่ราว 3.4 พันล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 1/56 อยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมีการเข้ามาเสนองานเป็นจำนวนมาก และบริษัทยังจะเข้าประมูลงานอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับงานประมาณ 30% รวมทั้งรอเซ็นสัญญางานก่อสร้าง Shopping mall มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาทอีก 2-3 โครงการ
สำหรับผลประกอบการล่าสุดในไตรมาส 1/2556 บริษัทพลิกกลับมามีกำไร 7.44 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่บริษัทขาดทุนเท่ากับ 188.37 ล้านบาท จากการตั้งหนี้สงสัยจะสูญ ในส่วนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และบริษัทมีนโยบายที่จะรับงานขนาดใหญ่มากขึ้น และการเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการต้นทุน ซึ่งช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้สูงขึ้น
