ไทยโพลีคอนส์ ประกาศจุดยืน ลุยธุรกิจพลังงานเต็มสูบ ล่าสุด บอร์ดไฟเขียวตั้ง Holding
Company ในนาม “ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง” เพื่อลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าทั้งหมด ปูทางปรับโครงสร้างธุรกิจ หวังปั๊มกำไรจากธุรกิจพลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าเข้ามาเสริมทัพ “เจริญ” ย้ำปี 2556 กำไรสุทธิของ TPOLY จะก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ หลังขายไฟฟ้าได้ อีกทั้ง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ไปได้สวย
นายเจริญ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (TPOLY) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า หลังจากนี้ TPOLY จะมีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ โดยจะหันมารุกธุรกิจพลังงานอย่างเต็มที่ ซึ่งล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติอนุมัติให้บริษัทลงทุนจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ ซึ่งประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company)
โดยใช้ชื่อ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อเป็นการรองรับการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในเงินลงทุนของบริษัทในกลุ่มพลังงาน โดยบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้จะดำเนินการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้าทั้งหมดแทน TPOLY ตามสัดส่วนเดิมที่บริษัทฯ ได้ถือหุ้นอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งจะเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้าอื่นๆ ในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 20 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ซึ่ง TPOLY จะถือหุ้น 100% แหล่งเงินทุนที่ใช้มาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารพิจารณารายละเอียด และเงื่อนไขต่างๆ เกี่ยวกับการลงทุนจัดตั้งบริษัทใหม่ รวมถึงการหาพันธมิตรผู้ร่วมทุนรายอื่น และการจัดหาสินเชื่อเพื่อใช้ในการดำเนินการ โดยปัจจุบัน TPOLY มีธุรกิจโรงไฟฟ้า ประกอบด้วย บริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด ซึ่ง TPOLY ถือหุ้น 65% บริษัท ทุ่งสัง กรีน จำกัด ซึ่ง TPOLY ถือหุ้น 65% และบริษัท บางสะพานน้อย ไบโอแมส จากัด ซึ่ง TPOLY ถือหุ้น 85%
“โครงสร้างธุรกิจของ TPOLY จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป หลังจากโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรกของเรา คือ โรงไฟฟ้าช้างแรก ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ จะเริ่มรับรู้รายได้ประมาณ 200 ล้านบาท ส่วนโครงการที่ 2 และ 3 คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปี 2557 และจะรับรู้รายได้ทั้งหมดทุกโครงการภายในปี 2558 ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต และเพื่อเป็นการรองรับการเติบโตของธุรกิจพลังงาน เราจึงได้ว่าจ้าง บล.ทรีนิตี้ ในการศึกษาการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งขึ้นมา เพื่อลงทุนในธุรกิจพลังงานโดยเฉพาะ ซึ่งจะเริ่มเห็นนโยบายที่ชัดเจนของโฮลดิ้งในต้นปีหน้า” นายเจริญกล่าว
นายเจริญ กล่าวอีกว่า ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงการโมเดิร์นทาวน์โฮม ถนนรามอินทรา ภายใต้ชื่อโครงการ กรีนิช รามอินทรา มูลค่าโครงการประมาณ 800 ล้านบาท ได้เปิดขายพรีเซล (Pre-Sale) ไปแล้วในช่วงต้นไตรมาส 4/55 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ปัจจุบัน มียอดจองเข้ามาแล้วมากกว่า 30% โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสนี้ประมาณ 50-60 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะไปรับรู้ในปี 2556 นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินเปล่าติดถนนหน้าโครงการกรีนิช รามอินทรา อีกประมาณ 6 ไร่ ซึ่งถือเป็นทำเลที่ดีมาก เพราะอยู่ในแนวโครงการรถไฟฟ้าสีชมพู ที่เตรียมจะพัฒนาโครงการใหม่ต่อไปอีกในอนาคต
“จากที่กล่าวทั้งหมด จะทำให้กำไรสุทธิของ TPOLY มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2556 ทั้งจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่จะกลับมาดีขึ้น หลังจากที่บริษัทฯได้ดำเนินการปรับต้นทุน โดยมีการรับรู้ต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงที่สูงขึ้นไปแล้วในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อีกทั้งยังมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และพลังงานซึ่งมีมาร์จิ้นสูงกว่าเข้ามาเสริม ซึ่งจะทำให้โครงสร้างธุรกิจของ TPOLY จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป โดยทั้ง 2 ธุรกิจใหม่ที่เข้ามาจะมีสัดส่วนรายได้ขึ้นมาเป็น 30% จากปัจจุบันที่รายได้ทั้งหมดมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง” นายเจริญกล่าวในที่สุด