xs
xsm
sm
md
lg

สรุปซื้อขายหุ้นไทย Q3 ยังผันผวน นักลงทุนยังหวั่นเพดานหนี้สหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา ผู้อำนวยการวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.
สรุปการซื้อขายในไตรมาส 3  ตลาดหุ้นไทยยังผันผวนจากความไม่แน่นอนของมาตรการ QE และความกดดันเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบตลาดหุ้นไทย แนะจับตาไตรมาส 4 ยังคง QE ไว้เพราะเศรษฐกิจโดยรวมยังซบเซา เผย 9 เดือนแรกฝรั่งขายหุ้นไทยกว่า 1 ล้าน

ดร.เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา ผู้อำนวยการวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ภาวะการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยปรับตัวไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค  โดยไตรมาสที่ 3 ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากการไหลออกของเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งจากภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในสถานะทรงตัว พิจารณาได้จากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ยังคงอยู่ในระดับเดิม ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัว และมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่ตลาดเกิดใหม่อย่างประเทศจีน กลับมีการขยายตัวอย่างลดลง และยุโรปมีการชะลอตัว ส่วนตลาดอินเดีย และอินโดนีเซีย มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเงินเฟื้อ รวมไปถึงตลาดหุ้นที่ไทยที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเศรษฐกิจ และค่าเงินบาทผันผวน ทำให้ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนในตลาดทุนทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดหุ้นเกิดใหม่ หรือ Emergin Market เช่น ตลาดในกลุ่ม TIP คือ Thailand Indonesia และ Philippines

โดยดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,383.16 จุด ปรับตัวลดลง 4.73% จากไตรมาสที่ 2 และลดลง 0.63% เที่ยบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ในทางกลับกันกลับเพิ่มขึ้นถึง 6.87% เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนสิงหาคม โดยเป็นการปรับเพิ่มมากขึ้นที่สุดในภูมิภาคในส่วนของมูลค่าสินทรัพย์ตามราคาตลาดของทั้ง SET และ mai นั้น ปรับตัวตามทิศทางของดัชนีหลักทรัพย์ โดย SET INDEX อยู่ที่ 12,079,564 ล้านบาท และตลาด mai อยู่ที่ 171,420 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นไตรมาสก่อนที่ 3.59% และ 1.56% ตามลำดับ แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 7.02% และ 12% ตามลำดับ ในขณะที่ค่า P/E ของตลาดนั้นอยู่ที่ 13.78 เท่า โดยมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าตลาดในภูมิภาคเล็กน้อยที่ 13.41 เท่า

ขณะที่ในไตรมาส 3 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของทั้ง SET และ mai อยู่ที่ 44,139 ล้านบาท ลดลง 24.65% จากไตรมาสที่แล้ว ส่วนในเดือนกันยายนนั้น มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของทั้ง SET และ mai อยู่ที่ 46,471 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.71% ซึ่งกลุ่มผู้ลงทุนทุกกลุ่มมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงจากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ผู้ลงทุนทุกกลุ่มมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทางด้านนักลงทุนต่างประเทศ ใน 9 เดือนแรกขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยไปแล้วกว่า 106,408 ล้านบาท โดยเฉพาะไตรมาสที่ 3 ขายสุทธิกว่า 29,962 ล้านบาท แต่เดือนกันยายนพบว่า นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 9,429 ล้านบาท ในส่วนของการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai รวมกว่า 36,369 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการระดมทุนขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป หรือ IPO กว่า 26,180  ล้านบาท ทั้งจากบริษัทจดทะเบียน และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่าการระดมทุนสะสมทั้งสิ้น 212,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 162.11% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอาจมีความไม่แน่นอนมากนัก เนื่องจากขณะนี้สหรัฐฯ มีปัญหาในส่วนของการพิจารณาเพดานหนี้ ซึ่งอาจต้องรอคอยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน และเจรจากันระหว่าง 2 พรรคเพื่อหาข้อยุติปัญหาเพดานหนี้ให้ได้ ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนตามไปด้วย ซึ่งเพดานหนี้สหรัฐฯ ไม่ได้อยู่ในระยะที่สูงมาก แต่หากสหรัฐฯ ปรับขึ้นจะเป็นผลดีต่อตลาดโดยรวม โดยแนวโน้มความเป็นไปได้ขณะนี้จะทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนตามไปด้วย ซึ่งถ้าหากยกเลิกมาตรการ QE จะส่งผลดีต่อตลาดโลกที่ฟื้นตัวโดยคาดว่าอัตราการเติบโตโดยรวมในปีหน้าจนะอยู่ที่ประมาณ 3% ในส่วนของมาตรการ QE ตามนโยบายของผู้ว่าการเฟดคนใหม่ นางเจเน็ต เยลเลน คาดว่าจะคงนโยบายไว้อีกระยะ เพื่อให้สภาพเศรษฐกิจค่อยๆ ทยอยปรับตัว โดยคาดว่าจะยังคงมาตรการต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นไตรมาส 4 และจะเริ่มทยอยถอน หรือลดวงเงินในต้นปีหน้า 
กำลังโหลดความคิดเห็น