คอลัมน์ บัวหลวง Money Tips
โดยวรวรรณ ธาราภูมิ
CEO กองทุนบัวหลวง
ปัจจัยลบของตลาดหุ้นในช่วงนี้
- การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันบรรยากาศการลงทุน โดยมีการขยายตัวของ GDP ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาด โดยเฉพาะการชะลอตัวของภาคการบริโภค และการส่งออก
- เศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย ที่มีปัญหาทั้งขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และการเติบโตที่ชะลอตัวลง เป็นอีกปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนของประเทศในกลุ่ม TIPs Market (Thailand, Indonesia, Philippines)
- นักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตในตลาดเกิดใหม่ (EM) ล่วงหน้า เนื่องจากประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ หรือกลุ่มสหภาพยุโรปมีสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น สวนทางกับเศรษฐกิจใน EM ที่กำลังชะลอตัวลง และนักลงทุนต่างชาติคาดว่าจะมีการ Tapering QE จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า
- โบรกเกอร์ทยอยลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) และ Target P/E ของบริษัท รวมถึงลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจตามภาพรวมแนวโน้มที่ชะลอลงของไทย
กองทุนบัวหลวงมองว่า ปัจจัยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงกับระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้นของประเทศ EM (เช่น มาเลเซียถูก Downgrade ความน่าเชื่อถือ) จะส่งผลต่อ Outlook ของเศรษฐกิจในภูมิภาคของเรา
สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นประเด็นหลักที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นในระยะสั้นถึงระยะกลางจะยังซบเซาในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า
ส่วนประเด็น Tapering QE น่าจะมีน้ำหนักน้อยลงเมื่อใกล้ถึงเดือนหน้าที่คาดว่าจะมีการประกาศ Tapering
ข้อมูลเพิ่มเติม
หมายเหตุ
ตลาดหุ้นไทยมีจุดสูงสุดล่าสุด ณ 21 พ.ค. 2556 ที่ 1,643.43 จุด แต่ ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2556 ได้ลดลงจากจุดสูงสุดดังกล่าวไป 22.3% มาอยู่ที่ 1,275.76 จุด โดยโบรกเกอร์บางรายชี้ว่ายังไม่ใช่จุดต่ำสุด เพราะเดือนกันยายนนี้จะมีปัจจัยลบจากภายนอกมากระทบจากการประชุม FOMC เรื่อง QE ของ FED และจากเรื่องการชนเพดานหนี้อีกครั้งของสหรัฐฯ ในขณะที่เรื่องสหรัฐฯ จะโจมตีซีเรียอาจเป็นผลกระทบตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้น
(ข้อมูลเขียนบทความ ณ 28 มี.ค. 56)