“บีทีเอส กรุ๊ปฯ” เผยขายหุ้น 220 ล้านหุ้น หรือ 6.7% ที่ถือใน “วี จี ไอโกลบอล มีเดีย” แบบทำในวง
จำกัดแบบข้ามคืนให้แก่นักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ หวังเพิ่มการกระจายการถือหุ้นรายย่อย และสภาพคล่อง
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS แจ้งว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 บริษัทฯ ขายหุ้น 220 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 6.7 ในบริษัท วี จี ไอโกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI บริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ที่ราคาหุ้นละ 12.30 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 2,706.0 ล้านบาท
ทั้งนี้ การซื้อขายในครั้งนี้ได้ทำในวงจำกัดแบบข้ามคืน (Overnight Placement) ให้แก่นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศโดยราคาขายได้ถูกกำหนดโดยผ่านการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (book building) ซึ่งก่อนการเข้าทำรายการนี้ บริษัทฯ ถือหุ้นวีจีไอทั้งทางตรง และทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 62.5 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายทั้งหมดของ VGI (ถือหุ้นทางตรงในสัดส่วนร้อยละ 11.5 และถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 51.0 ผ่านบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 97.5) และภายหลังการเข้าทำรายการนี้ บริษัทฯ จะถือหุ้นวีจีไอทั้งทางตรง และทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 55.8 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายทั้งหมดของ VGI (ถือหุ้นทางตรงในสัดส่วนร้อยละ 4.8 และถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 51.0 ผ่าน BTSC )
โดยการขายหุ้น VGI นี้ จะช่วยเพิ่มการกระจายการถือหุ้นรายย่อย (free float) และสภาพคล่อง (liquidity) ให้แก่หุ้น VG I และขยายฐานผู้ถือหุ้นทั้งใน และต่างประเทศ โดยบริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และถือหุ้น VGI ในระยะยาว โดยจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นใน VGI ให้คงเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจสื่อโฆษณาต่อไป โดยธุรกรรมนี้ไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกันตามกฎรายการที่เกี่ยวโยงกัน และเมื่อคำนวณขนาดรายการจำหน่ายสินทรัพย์แล้วไม่เข้าข่ายที่จะต้องรายงานสารสนเทศตามกฎการได้มา และจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์
อย่างไรก็ดี สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน VGI จะลดลงในสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 จากเดิมร้อยละ 65.7 เมื่อวันที่ 30เมษายน 2556 ตามที่ได้เปิดเผยไว้ในรายงานประจำปี และแบบ 56-1 เป็นร้อยละ 55.8 ภายหลังการเข้าทำธุรกรรมนี้ ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 10 ใน VGI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ
จำกัดแบบข้ามคืนให้แก่นักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ หวังเพิ่มการกระจายการถือหุ้นรายย่อย และสภาพคล่อง
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS แจ้งว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 บริษัทฯ ขายหุ้น 220 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 6.7 ในบริษัท วี จี ไอโกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI บริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ที่ราคาหุ้นละ 12.30 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 2,706.0 ล้านบาท
ทั้งนี้ การซื้อขายในครั้งนี้ได้ทำในวงจำกัดแบบข้ามคืน (Overnight Placement) ให้แก่นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศโดยราคาขายได้ถูกกำหนดโดยผ่านการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (book building) ซึ่งก่อนการเข้าทำรายการนี้ บริษัทฯ ถือหุ้นวีจีไอทั้งทางตรง และทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 62.5 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายทั้งหมดของ VGI (ถือหุ้นทางตรงในสัดส่วนร้อยละ 11.5 และถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 51.0 ผ่านบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 97.5) และภายหลังการเข้าทำรายการนี้ บริษัทฯ จะถือหุ้นวีจีไอทั้งทางตรง และทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 55.8 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายทั้งหมดของ VGI (ถือหุ้นทางตรงในสัดส่วนร้อยละ 4.8 และถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 51.0 ผ่าน BTSC )
โดยการขายหุ้น VGI นี้ จะช่วยเพิ่มการกระจายการถือหุ้นรายย่อย (free float) และสภาพคล่อง (liquidity) ให้แก่หุ้น VG I และขยายฐานผู้ถือหุ้นทั้งใน และต่างประเทศ โดยบริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และถือหุ้น VGI ในระยะยาว โดยจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นใน VGI ให้คงเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจสื่อโฆษณาต่อไป โดยธุรกรรมนี้ไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกันตามกฎรายการที่เกี่ยวโยงกัน และเมื่อคำนวณขนาดรายการจำหน่ายสินทรัพย์แล้วไม่เข้าข่ายที่จะต้องรายงานสารสนเทศตามกฎการได้มา และจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์
อย่างไรก็ดี สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน VGI จะลดลงในสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 จากเดิมร้อยละ 65.7 เมื่อวันที่ 30เมษายน 2556 ตามที่ได้เปิดเผยไว้ในรายงานประจำปี และแบบ 56-1 เป็นร้อยละ 55.8 ภายหลังการเข้าทำธุรกรรมนี้ ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 10 ใน VGI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ
