นายแบงก์ชี้สินเชื่อรายย่อยปี 57 แนวโน้มทรงตัว แม้ทิศทาง ศก. น่าจะมีโอกาสดีขึ้น แต่ยังต้องระวังความเสี่ยงจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ยอมรับใช้หลายมาตรการเพื่อคุมกำเนิดเอ็นพีแอลกระทบการบริโภคชะลอตัว
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2557 ธนาคารตั้งเป้าการขยายสินเชื่อรายย่อยไว้ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายสินเชื่อบ้านไว้ที่ 8-9% จากปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 8% ส่วนบัตรเครดิตคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 14-15% จากปีนี้ที่เติบโตได้ประมาณ 20% หรือเพิ่มขึ้นจาก 5.4 หมื่นล้านบาท เป็น 6.4 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าหมายสินเชื่อบุคคลไว้ว่าจะขยายตัว 20% จากปีนี้ที่ขยายตัวได้ 35% หรือเพิ่มขึ้นจาก 1.1 หมื่นล้านบาท เป็น 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสินเชื่อบุคคล และบัตรเครดิตที่ขยายตัวลดลงเนื่องจากฐานที่เพิ่มสูงขึ้นในปีนี้
ส่วนแนวโน้มเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นนั้น ยอมรับว่ายังไม่เป็นระดับที่น่ากังวลมากจนถึงขนาดที่ระดับความเสี่ยงไม่ไหว ซึ่งธนาคารได้ปรับระบบเครดิตสกอริ่งให้เข้มงวดมากขึ้นเพื่อคัดกรองลูกหนี้ที่มีคุณภาพ
“ช่วงนี้เศรษฐกิจยังอึมครึมมีความผันผวน เราก็ทำตะแกรงให้รูเล็กลงเพื่อให้ได้ลูกค้าดี เช่นเดิมสกอร์ 100 คะแนน หากลูกค้าได้คะแนน 50-60% เราก็ปล่อยแล้ว แต่เมื่อเข้มขึ้นลูกหนี้ต้องมีคะแนน 65% เพราะคะแนนที่ได้จะนำไปคาดการณ์ระดับเอ็นพีแอลได้”
น.ส.อารยา ภู่พานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารได้เพิ่มความระมัดระวังหนี้เสียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากธุรกิจสินเชื่อบุคคลโดยมีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.8-2.9% จากเดิมที่มีเพียง 2% เศษ ขณะที่ธุรกิจบัตรเครดิตมีปัญหาเพียงการชะลอตัวของยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วงที่ผ่านมา แต่ยอดหนี้เสียไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก โดยอยู่ที่ 0.97% ซึ่งธนาคารได้เพิ่มความระมัดระวังตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาหลังมีความกังวลในปัญหาหนี้ครัวเรือนจาก ธปท.
ทั้งนี้ ธนาคารได้ปรับลดเป้าหมายสินเชื่อบุคคลลงเหลือเพียง 1,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ 1,200 ล้านบาท แต่ไม่มีการปรับลดรายได้ของกลุ่มเป้าหมายโดยยังเน้นลูกค้าผู้มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป แต่จะดูภาระหนี้ต่อรายได้ที่มีอยู่จากข้อมูลเครดิตบูโรให้เข้มงวดมากขึ้น หรือต้องมีหนี้เดิม และหนี้ที่จะกู้จากธนาคารเพิ่มเติมรวมแล้วไม่เกิน 70% ของรายได้ในแต่ละเดือน ทำให้ยอดการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารปรับลดลงไปอัตโนมัติจากเดิมที่ธนาคารจะอนุมัติประมาณ 30% เหลือเพียง 20% ในปัจจุบัน
“เมื่อเราเข้มงวดมากขึ้นก็อนุมัติยากขึ้น เพราะหนี้เดิมมีสูงอยู่แล้ว หากเราเห็นในเครดิตบูโรว่าผ่อนชำระไม่ดีก็ทำให้มองว่าโอกาสที่ลูกค้าจะเป็นหนี้เสียมีสูง โดยสัดส่วนหนี้ต้องไม่เกิน 70% หากเป็นกลุ่มผู้มีรายได้สูงก็ยังมีเงินเหลือ เช่น ถ้าเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ 100,000 บาท มีหนี้ 70% ก็ยังเหลือเงินอยู่ 30,000 แต่ถ้าเป็นผู้มีน้อยเช่นมีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือนหักหนี้ไป 70% ก็จะเหลือเงินไม่พอ ซึ่งเอ็นพีแอลจากสินเชื่อบุคคลที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราอนุมัติน้อยลงเพราะเราเลือกมากขึ้นด้วย”
สำหรับแนวโน้มในปี 2557 นั้น เชื่อว่าทิศทางจะดีมากขึ้นหลังจากการปรับเกณฑ์ให้เข้มงวดมากขึ้นทำให้คุณภาพสินเชื่อดีขึ้น และการขยายสินเชื่อจะสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น โดยมองว่าการขยายตัวของสินเชื่อบุคคลในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 15-20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 15% โดยมีพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่การขยายตัวของบัตรเครดิตยังทรงตัวจากปีนี้
ทั้งนี้ ปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้สินเชื่อบุคคลเติบโตได้มากขึ้น มาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น รายได้ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และมีสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกัน ธนาคารจะหันไปมุ่งเน้นลูกค้าเก่าของธนาคารที่ยังไม่เคยใช้สินเชื่อบุคคลกับธนาคาร เช่น กลุ่มลูกค้าสินเชื่อบ้าน และเงินฝากที่ธนาคารเห็นพฤติกรรมมาก่อนหน้านี้แล้ว