“ทีเอ็มบี” พอใจผลงาน 9 เดือน แม้สินเชื่อโตต่ำกว่าเป้าที่ 8% จาก 10% เหตุแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจชะลอตัว แต่กำไรเป็นไปตามเป้าหมายแน่ เผยแผนปีหน้าเน้นเอสเอ็มอีมากขึ้น พร้อมยันไม่มีการคุยกับแบงก์ชาติกรณีขายหุ้นที่กลุ่มไอเอ็นจีถืออยู่
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ที่ผ่านมา สินเชื่อของธนาคารขยายตัวในระดับ 5% ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่หลายๆ แรงขับเคลื่อนชะลอตัว โดยเฉพาะการอุปโภคบริโภค และการส่งออกที่ชะลอตัว โดยคาดว่าปลายปีสินเชื่อจะขยายตัวได้ราว 8% ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 10%
“ถึงแม้สินเชื่อจะไม่เป็นไปตามเป้า แต่กำไรน่าจะเป็นไปได้ตามเป้าที่วางไว้แน่นอน แล้วส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันในระดับ 3% ก็เกินกว่าเป้าเดิมตั้งเป้าไว้ 2.9% เนื่องจากต้นทุนเงินฝากและผลตอบแทนดีขึ้น”
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีกำไรจำนวน 3,800 ล้านบาท โดยก่อนการตั้งสำรองมีกำไรอยู่ที่ราว 10,000 ล้านบาท ซึ่งทางธนาคารมีการตั้งสำรองมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของระบบ ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงมาอยู่ที่ 3.75% เนื่องจากเอ็นพีแอลเดิมของธนาคารมีค่อนข้างมากจาก 100,000 ล้านบาท ขณะนี้เหลือราว 22,000 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 8.9% โดยในไตรมาส 3 สูงถึง 12% และธนาคารพยายามตั้งเป้าที่จะให้ ROE อยู่ที่ 14% ในปี 2557 ซึ่งจะทำให้มีทุนเพียงพอในการขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนพอร์ตสินเชื่อในปัจจุบันแบ่งออกเป็นสินเชื่อขนาดใหญ่ 47% สินเชื่อขนาดกลาง และขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) 35% และสินเชื่อบุคคล 18% ซึ่งในระยะต่อไปทางธนาคารมีแผนจะขยายสินเชื่อเอสเอ็มอีให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะปรับสัดส่วนเป็นสินเชื่อเอสเอ็มอี 50% สินเชื่อรายใหญ่ 30% และสินเชื่อบุคคล 20% เนื่องจากที่ผ่านมา ธุรกิจเอสเอ็มอีมีการเติบโตค่อนข้างดี และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธนาคารเองก็ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายออกมารองรับ ซึ่งมีผลตอบแทนในระดับดี
ยันยังไม่ได้คุยแบงก์ญี่ปุ่น
สำหรับกรณีที่มีข่าวลือว่าจะมีธนาคารญี่ปุ่นจะเข้ามาซื้อหุ้นของธนาคารในส่วนที่กลุ่มไอเอ็นจีถืออยู่นั้น ตามที่ธนาคารได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปแล้วว่า ไม่เคยมีการพูดคุยกับธนาคารต่างชาติแห่งใดทั้งสิ้น ซึ่งถ้าหากจะมีการเจรจาก็ต้องมีการเข้ามาดูการทำงาน ตรวจสอบสถานะธนาคาร อย่างไรก็ตาม เรื่องการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นก็เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปของธนาคารแต่ละแห่ง เพียงแต่ขณะนี้ไม่มีการติดต่อเข้ามา
ด้านแนวทางการดำเนินธุรกิจภายหลังจากที่มีธนาคารต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ไทยมากขึ้นนั้น นายบุญทักษ์ กล่าวว่า ก็จะทำให้มีการแข่งขันมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่ในส่วนของธนาคารเอง ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดทิศทางการแข่งขันว่าจะไปในทิศทางไหน คงต้องรอให้เห็นถึงความชัดเจนของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธนาคารที่เข้ามาก่อนจึงจะพิจารณาแนวทางอีกครั้ง แต่จะเริ่มเห็นคือ การที่ธนาคารญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาหาลูกค้าญี่ปุ่นที่อาศัยในไทย ก็จะเริ่มเห็นมีการดึงลูกค้าก็มากขึ้น