“กรุงศรีกรุ๊ป” แจงผลดำเงินงาน 9 เดือน ฟันกำไรกว่า 1 หมื่นล้าน สินเชื่อไตรมาส 3 ยังโตต่อเนื่อง สวนทางภาวะ ศก. ชะลอตัว ขณะที่ “ธ.กรุงเทพ” โชว์ผลงาน 9 เดือน โกยกำไรอื้อ 2.8 หมื่นล้าน
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (18 ต.ค.) กรุงศรีกรุ๊ป (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบริษัทในเครือ) ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2556 โดยมีกำไรสุทธิ 3,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% จากไตรมาส 2 ของปีนี้ และ 1.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2555 โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ กรุงศรีกรุ๊ปมีกำไรสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2555
เงินให้สินเชื่อรวมยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้น 7.1% โดยได้รับการสนับสนุนจากความต้องการสินเชื่อของลูกค้าทุกกลุ่มธุรกิจ คิดเป็นยอดเงินให้สินเชื่อใหม่ จำนวน 5.92 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 ขณะที่สินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น 12% สินเชื่อเอสเอ็มอี และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 3.6% และ 1.3% ตามลำดับ ทั้งนี้ กรุงศรีมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.6%
เงินฝากเพิ่มขึ้น 7.2% คิดเป็น จำนวน 4.93 หมื่นล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2555 สะท้อนความต้องการของลูกค้าที่มีต่อผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ของธนาคาร “กรุงศรีมีแต่ได้” และ “ออมทรัพย์จัดให้” รวมทั้งความสำเร็จของธนาคารในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “เงินฝากประจำ Step up 9 เดือน” ที่นำเสนอเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2556 และ “เงินฝากประจำ 15 เดือน” ที่นำเสนอเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของกรุงศรีกรุ๊ปยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 4.32% ในไตรมาส 3 นี้
นางเจนิส แวน เอ็กเคอเรน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรุงศรีกรุ๊ป กล่าวว่า การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อในไตรมาส 3 ที่ 2.9% นี้เป็นไปตามคาด เมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และอัตราเติบโตสินเชื่อเฉลี่ยที่ 2.1% ต่อไตรมาสในช่วงสองไตรมาสแรกของปีนี้
“กรุงศรีมีมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าเริ่มทรงตัว และจะปรับดีขึ้นในปี 2557 ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่สนับสนุนการขยายตัวของสินเชื่อ และความชื่นชอบที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจที่มีต่อแบรนด์กรุงศรี เราจึงคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 12% สำหรับปีนี้”
ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยมีสินเชื่อรวม 8.89 แสนล้านบาท และสินทรัพย์รวม 1.1 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารยังคงระดับแข็งแกร่งอยู่ที่ 1.32 แสนล้านบาท หรือเทียบเท่า 16.9% ของสินทรัพย์เสี่ยงโดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 คิดเป็น 12%
**บัวหลวง โชว์กำไรโต 15% ตอกย้ำความยิ่งใหญ่
ด้านธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกในปี 2556 จำนวน 28,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,791 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.5 จากช่วงเดียวกันของปี 2555 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 853 ล้านบาท รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 4,366 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 324 ล้านบาท
ผลประกอบการของธนาคารเติบโตอย่างสม่ำเสมอ เนื่องมาจากกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ตลอดจนมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่เป็นประโยชน์ และตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างเหมาะสม และทันเวลา
สินเชื่อของธนาคารมีการเติบโตจากลูกค้าทุกกลุ่มทั้งลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายปลีก และลูกค้าบุคคล ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 ธนาคารมีสินเชื่อ จำนวน 1,685,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81,046 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.1 จากสิ้นปี 2555 ด้านคุณภาพสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 3 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ จำนวน 46,611 ล้านบาท ซึ่งธนาคารมีการติดตามดูแลลูกค้ากลุ่มนี้อย่างใกล้ชิดโดยหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสถานะของลูกค้า
ธนาคารยังคงรักษาวินัยในการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่าอย่างสม่ำเสมอทุกไตรมาสเพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ 9 เดือนแรกของปีนี้ ธนาคารมีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สูญฯ รวมทั้งสิ้น 6,856 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็นร้อยละ 200.9 และอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อเท่ากับร้อยละ 5.6
ด้านสภาพคล่อง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 เงินฝากของธนาคารมีจำนวน 1,872,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37,355 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.0 จากสิ้นปี 2555 และมีอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากคิดเป็นร้อยละ 90.0
ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปีนี้ ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงาน 69,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,219 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.1 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 4,366 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.0 ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 1,983 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.0 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของธนาคารในการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปีนี้ ธนาคารมีอัตราส่วนรายได้ค่าธรรมเนียม และบริการสุทธิต่อรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 23.2 เทียบกับร้อยละ 22.0 ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ธนาคารมีการลงทุนในด้านต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ทั้งด้านเครือข่ายสาขา พนักงาน และการพัฒนาระบบงาน ใน 9 เดือนแรกของปีนี้ ธนาคารมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน 27,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 324 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.2 จากช่วงเดียวกันของปี 2555 โดยเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน 15,632 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารสถานที่ และอุปกรณ์ 6,542 ล้านบาท
ธนาคารสามารถรักษาเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูง โดยหากนับรวมกำไรของไตรมาส 3 เข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 18.1 ร้อยละ 15.5 และร้อยละ 15.5 ตามลำดับ
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 มีจำนวน 286,572 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.6 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 150.13 บาทต่อหุ้น