“ไทย เอ็น ดี ที” ทุ่มงบ 25 ล้านบาท ลุยตั้งบริษัทลูกทำเหมืองถ่านหินในพม่า ป้อนโรงไฟฟ้ากำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ คาดขายไฟได้ปลายปี 58 เผยมั่นใจกำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 76 ล้านบาท
น.ส.ชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทย เอ็น ดี ที หรือ TNDT กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ขออนุมัติตามมติที่ประชุมครั้งที่ 4/2556 จัดตั้งบริษัท ที เอ็น ดี ที ซี เอ็ม จำกัด ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 25 ล้านบาท มีหุ้นสามัญจดทะเบียน จำนวน 5 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 5 บาท โดยบริษัทแม่ถือหุ้นในสัดส่วน 46% ส่วนที่เหลือเป็นนักลงทุนทั่วไปเข้าร่วมถือหุ้น และนักธุรกิจพม่าเข้าถือหุ้นบางส่วนด้วย
อย่างไรก็ดี การจัดตั้งบริษัทย่อยในครั้งนี้นั้นเพื่อประกอบกิจการเกี่ยวกับการซื้อขายถ่านหิน และสินแร่ทุกชนิด ตลอดถึงประกอบกิจการเหมืองแร่บริเวณท่าขี้เหล็ก ในประเทศพม่า สำรวจและวิเคราะห์แร่ เพื่อส่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้า และโรงไฟฟ้าถ่านหินในพม่า โดยบริษัทฯ คาดการณ์ว่า บริษัทลูกดังกล่าวจะสามารถเปิดดำเนินได้ในช่วงปลายปีนี้ และจะสามารถรับรู้รายได้ในบัญชีของปีถัดไป
“หลังจากที่บริษัทฯ มีการสำรวจโดยผู้เชี่ยวชาญทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นในการเข้าไปลงทุนกับเหมืองแร่นี้ และที่สำคัญในกฎหมายของพม่าการที่บริษัทต่างชาติเข้าไปทำโรงไฟฟ้านั้นจะต้องสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนว่ามีแหล่งวัตถุดิบที่แน่นอน และจะต้องให้นักลงทุนในประเทศเข้าถือหุ้นด้วย ซึ่งทำให้บริษัทสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจเหมืองแร่ได้ทันทีในช่วงปลายปีนี้”
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการเตรียมงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 20 เมกะวัตต์ในประเทศพม่า โดยบริษัทฯ ถือหุ้นร่วมกับกลุ่มทุนของนักธุรกิจของประเทศพม่า ตามกฎหมายของรัฐบาลพม่า หลังจากบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติในเรื่องของที่ดิน และสิ่งแวดล้อมจากรัฐบาลพม่าในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแล้ว โดยโรงไฟฟ้าถ่านหินดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 1-2 ปี โดยคาดว่าจะสามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้ในช่วงปลายปี 2558 โดยประเมินว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในระยะเวลาประมาณ 8 ปี
ด้านของผลการดำเนินงาน TNDT ในปีนี้ คาดว่าจะมีกำไรสุทธิดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 76 ล้านบาท ส่วนรายได้ยังคงเป้าเติบโตที่ 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 336 ล้านบาท จากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิแล้วกว่า 32 ล้านบาท และรายได้ 159 ล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ ยังทยอยรับงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึง Backlog ที่มีในมือปัจจุบันกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้บางส่วน และต่อเนื่องถึงปีหน้า