xs
xsm
sm
md
lg

FVC เคาะราคา 1.20 บาท ขาย 17-18, 21 ต.ค.56

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฟิลเตอร์ วิชั่น หรือ FVC เคาะขายไอพีโอหุ้นละ 1.20 บาท กำหนดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 17-18 และ 21 ต.ค.2556 ได้ฤกษ์ดีเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 29 ต.ค. นี้ แต่งตั้ง บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำจัดจำหน่ายหุ้น “ชูพงศ์ ธนเศรษฐกร” มั่นใจกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเยี่ยม จากปัจจัยพื้นฐานที่ดี และที่ผ่านมาผลประกอบการขยายตัวต่อเนื่องตอบรับกำลังซื้อผู้บริโภคเติบโต ด้าน “ดร.วิจิตร เตชะเกษม” ระบุนำเงินทุนไปใช้เพื่อขยายธุรกิจรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน กลุ่มเตชะเกษม ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 จับหุ้นติดไซเรนต์พีเรียดทั้งหมด ขอให้มั่นใจได้วันแรกไม่มีการขายหุ้นออกมาแน่

นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 59.20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน โดยมีค่า P/E ratio อยู่ที่ 11 เท่า กำหนดเปิดให้จองหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 17-18 และ 21 ตุลาคมนี้ และคาดว่าสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 29 ตุลาคม 2556 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “FVC” พร้อมกันนี้ ยังมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ด้วย

“FVC ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ และเป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวข้องกับการบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่มีจุดแข็งมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน จัดเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจด้วยปัจจัยพื้นฐานทางด้านธุรกิจที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง และโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคตที่จะเติบโตได้อีกมาก ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และเครื่องดื่ม รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ต้องการใช้น้ำบริสุทธิ์ เช่น โรงพยาบาล เป็นต้น ผมจึงเชื่อมั่นว่าหุ้น FVC จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก และจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่นักลงทุนด้วย” นายชูพงศ์กล่าวในที่สุด

ดร.วิจิตร เตชะเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) เปิดเผยว่า จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจให้มีความแข็งแกร่ง และขยายธุรกิจให้มีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต เนื่องจากปริมาณความต้องการของลูกค้ายังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภค ศูนย์การค้า อุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เป็นต้น จึงมั่นใจว่าในอนาคต FVC จะสามารถขยายตัวต่อไปได้อีกมาก เนื่องจากการมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้นซึ่งทำให้บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ

“นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีของเราแล้ว เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนอีกช่องทางหนึ่ง กลุ่มตระกูลเตชะเกษม ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ยินดีที่จะไม่นำหุ้นในส่วนที่ไม่ติด Silent Period มาขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นระยะเวลา 3 เดือนนับจากวันที่เข้าซื้อขาย ดังนั้น นักลงทุนทุกท่านจึงมั่นใจได้ว่ากลุ่มเตชะเกษมจะไม่นำหุ้นของบริษัทออกขายในตลาดหลักทรัพย์ ในวันแรกที่หุ้นเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อย่างแน่นอน” ดร.วิจิตร กล่าว

สำหรับ บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ โดยธุรกิจหลักแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ การออกแบบ ประกอบ ติดตั้งระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ และการให้บริการ ดูแลบำรุงรักษาทีเกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ โดยบริษัทฯ เป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ทั้งจากใน และต่างประเทศ เช่น ระบบกรองน้ำ ถังกรองไฟเบอร์กลาส หัวกรองน้ำอัตโนมัติ ไส้กรอง เครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเลต และยังมีอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเช่น เครื่องจ่ายเครื่องดื่มตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ เครื่องทำน้ำแข็ง และตู้นึ่งซาลาเปา เป็นต้น

นอกจากรายได้จากการจัดหาอุปกรณ์ให้ลูกค้าบริษัทยังมีรายได้หลักมาจากธุรกิจบริการหลังการขาย เช่นการเปลี่ยนไส้กรอง ซึ่งสร้างรายได้ให้บริษัทอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทคือ กลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ และแฟรนไชส์ กลุ่มธุรกิจด้านการแพทย์ และกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม โดยก่อน IPO มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 70.40 ล้านบาท และหลัง IPO ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 100 ล้านบาท ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตของรายได้ 15-20%


กำลังโหลดความคิดเห็น