ตลาดหุ้นพักฐาน ดัชนีปิดครึ่งวันเช้าติดลบ 35 จุด หลังหมดข่าวดี พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ขณะที่นักลงทุนสับสน “เฟด” ส่งสัญญาณ “คิวอี” ในเดือน ต.ค. ทำให้ภาพตลาดเริ่มมีความเสี่ยงสูง แถมเจอข่าวภาครัฐเตรียมคุมเก็งกำไรทองคำ และดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 ก.ย.) ดัชนีปิดครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,451.11 จุด ลดลง 35.65 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -2.40% มูลค่าการซื้อขาย 24,408.02 ล้านบาท นักวิเคราะห์ยอมรับว่ามีกระแสข่าวที่ว่าภาครัฐเตรียมออกมาตรการคุมการเก็งกำไรทองคำ เพื่อดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้นักลงทุนบางส่วนมีความวิตกกังวล
ทั้งนี้ กระแสข่าวระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างหารือร่วมกับ กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อวางกติกาเกี่ยวกับการซื้อขายทองคำเพื่อป้องกันนักลงทุนใช้เป็นช่องทางเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยน
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ มองว่า ตลาดหุ้นมีการพักฐาน จึงมีแรงขายทำกำไรออกมา เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย โดยมีแรงขายหุ้นมากในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์ หลังการพิจารณา พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ในวาระที่สอง และสามได้ผ่านสภาแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปจะเป็นการพิจารณาของวุฒิสภา ที่คาดว่าจะเห็นชอบเช่นกัน
ขณะที่ยืนยันว่า ความกังวลการปรับวงเงินในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในการปรชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประจำเดือน ต.ค. เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนีอาจถูกพยุงจากการทำปิดงวดบัญชีประจำไตรมาส 3 ปี 2556
หุ้นปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ตามบรรยากาศการลงทุนทีดีขึ้นในระยะสั้นโดยไม่มีปัจจัยด้านพื้นฐานสนับสนับสนุน สังเกตจากระดับกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ยังคงถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาในระดับที่แพงมากขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง อีกทั้งยังมีเพดานหนี้ของสหรัฐฯ จะเริ่มเข้ามากดดันตลาดหุ้นมากขึ้นในช่วงถัดไป จึงแนะนำขายหุ้นเพื่อล็อกกำไร และลดน้ำหนักการลงทุน จะเป็นกลยุทธ์ที่ดี และปลอดภัยในช่วงนี้
ขณะที่ บล.ทิสโก้ มองว่า นักลงทุนเริ่มสับสนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากประธานเฟดสาขาเซนหลุยส์ส่งสัญญาณว่าเฟดมีแผนปรับลดคิวอีลงในการประชุมครั้งถัด ประกอบกับ พ.ร.บ.เงินกู้ฯ ก็ผ่านสภาฯ ไปตามคาดเรียบร้อย จึงมีแรงขายหุ้นออกมามาก